วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

2012 Dead or Alive จะอยู่หรือจะตาย



12-12-12 จองพื้นที่ไว้สำหรับวันนี้เลยทีเดียว

วันโลกาวินาศครับ จะเล่ารวมๆกัน เรื่องการทำนายโลกแตก

พระพุทธเจ้าตรัส โลกจะดำรงต่อไปจนสิ้นพุทธกาล พ.ศ. 5000 คล้ายนอสตราดามุสทำนายไว้

นอสตราดามุสดูเหมือนได้ทำนายว่า สงครามนิวเคลียร์เกิดในยุคเรานี้ ประมาณช่วงเวลาระหว่างปี 1999 – 2012 “หน้าต่างเวลา”นี้เข้ากันได้กับคำพยากรณ์ในรหัสพระคัมภีร์ และเห็นพ้องกับกรอบเวลามาตรฐาน ที่ระบุในพระวรสารโดยมัทธิว 24 : 32 นิทานเปรียบเทียบเรื่องต้นมะเดื่อ

นอสตราดามุสทำนายว่า สหรัฐจะเข้าสู่สงครามในอาฟกานิสถานและอิรัก ล่าตัวบินลาเดน และสงครามนี้จะขยายตัว กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3


นอสตราดามุสได้ทำนายมากมายถึงดาวหางดวงหนึ่งหรือดาวพระเคราะห์ ดาวหางที่จะผ่านโลกอีกไม่นานหลังปี ค.ศ. 2000 และอาจก่อให้เกิดการทำลายโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทำนาย ปี 2012 ดาวพระเคราะห์น้อย (Asteroid) แบบดาวหางจะเป็นสาเหตุความพินาศของโลก

นอสตราดามุสใช้ศิลปะเก่าแก่คือสีดำ เพื่อ”ปลุกเร้า” สัตวิญญาณที่ทำให้ตื่นกลัว และเป็นผู้ที่ใช้ภาพนิมิตในเรื่องอนาคต คำทำนาย “ ในปี 1999 และอีก 7 เดือน นั้น กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามจะมาจากท้องฟ้า พระองค์จะฟื้นชีพให้กษัตริย์ของพวกมองโกล ก่อนนั้นและหลังจากนั้น มนุษย์จากดาวอื่น ( อาจเป็นจากดาวอังคาร )จะมาครองโลก

ผู้ศึกษาเรื่องนอสตราดามุสพิเคราะห์ว่า กษัตริย์น่าเกรงขามผู้ยิ่งใหญ่จากท้องฟ้าน่าจะเป็นดาวพระเคราะห์น้อยหรือดาวหางดวงหนึ่ง ซึ่งไม่เคยโคจรมาใกล้โลกระหว่างปี ค.ศ. 1999 หรือ 2000

มีผู้เชื่อว่า “ความน่าสะพรึงกลัวจากฟ้า”ที่อ้างว่ากำลังมานั้น อาจไม่ใช่ดาวดวงใดที่นอสตราดามุสอ้างถึง เป็นไปได้ว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามจากฟ้า คือการมาของ “แอนตี้ไครสต์” (Antichrist) .ใน”ยานอวกาศ” ซึ่งการมาของท่านผู้นี้ ( มีในหนังสือวิวรณ์ – Relavation ด้วย ) จะก่อให้เกิดการทำลายล้างแบบเดียวกับที่ดาวหางโลกาวินาศจะมาถึงโลก เพราะ Antichrist จะสถาปนาศาสนจักรปีศาจ “โดยอาศัยวาติกันและพระสันตะปาปาในอนาคต”

นอสตราดามุสยังกล่าวถึง การมาถึงของครูของโลก หรือพระเมสซีอาสเทียมซึ่งอาจจะ”เหาะ”มาหรืออาศัยยานแบบใดแบบหนึ่ง นอกนั้นการทำนายถึงการที่ดาวดวงใหญ่ตกกระทบท้องทะเลนั้น ก็บังเอิญไปตรงกับบริบทในหนังสือวิวรณ์ 8 : 8-10

เป็นที่น่าประหลาดมากที่จะเป็นความบังเอิญหรือไม่ไม่ทราบได้ ที่การทำนายของนอสตราดามุสหลายข้อ ตรงกับข้อความการทำนายวันสิ้นโลกในพระคัมภีร์ แต่ คำพยากรณ์และการทำนายของนอสตราดามุสที่ว่า ผลกระทบยิ่งใหญ่จากดาวหางระหว่างปี ค.ศ. 2010 ถึง 2012 นั้นไปตรงกับสาเหตุหลายประการที่นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ปัจจุบันให้แนวความคิดและเป็นแนวความคิดของความเป็นไปได้ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า สาเหตุที่โลกจะถึงวาระแตกดับนั้น มีหลายประการจริง


ดาวที่คาดว่าจะทำให้โลกถึงแก่ความพินาศ ในปี ค.ศ. 2012

พระดำรัสชองพระเยซูเจ้าที่ว่ามนุษย์รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายในโลก ทำให้หลายคนใจเสีย ก็..กลัวตายนะซีคุณ เราจะตายก่อนถึงเวลาแก่เฒ่าหรือตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรือโดยอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตไม่ว่ากัน แต่ตายด้วยสาเหตุที่คาดไม่ถึงว่าโลกจะระเบิดแตกดับ พวกเรามนุษย์จะสิ้นสูญไปจากโลกนี้นั้น ไม่อยากคิด! แต่..ไม่อยากคิดยังไงๆก็ต้องคิด เมื่อคิดแล้วก็อยากจะรู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่โลกจะแตกดับ มนุษย์จะสิ้นไปจากโลก ก็คงต้องฟังนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามอธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงจะดีกว่า

มีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่นักดาราศาสตร์ตั้งรหัสชื่อว่า Planet-X-NIBIRU ดาวดวงนี้มีเส้นวงโคจรเป็นรูปวงรีตัดกับวงโคจรของโลกตลอดและจะมีช่วงหนึ่งที่เข้ามาใกล้โลกมากห่างไม่เท่าไร พูดได้ว่าเฉียดโลกเลยทีเดียว ผ่านเข้ามาใกล้โลกทีไรก็ทำให้โลกเกิดกลียุคทุกที ดาวดวงนี้จะโคจรเข้ามาใกล้โลกทุกๆ 3,600 ปี เมื่อ 3,600 ปีที่แล้วผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว เป็นสาเหตุให้ทวีปแอตแลนติกจมหายลงไปทั้งทวีปกลายเป็นมหาสมุทรแอตแลนติก ตอนนั้นน้ำท่วมโลกสูงมาก (หลายคนคิดว่าเป็นยุคน้ำท่วมโลกสมัยโนอา โปรดอ่านรายละเอียดจากพระคัมภีร์พันธะสัญญาเดิม)

เรื่องเกี่ยวกับโนอาและน้ำมหาวินาศแรกของโลกมนุษย์ทราบรายละเอียดจากพระคัมภีร์ และยังจำพระสัญญาของพระเป็นเจ้าที่บอกโนอาและลูกหลานว่า จะไม่มีน้ำท่วมโลกอีก หากเห็นรุ้งปรากฏบนท้องฟ้านั่นคือพระสัญญาของพระองค์ ตอนนี้มนุษย์งงจริงๆ เพราะที่จะเกิดกลียุคกับโลกเราและทำให้มนุษย์สูญสิ้นไปคือน้ำท่วมโลกครั้งใหม่ โดยผลกระทบจากดาวเคราะห์ที่มีรหัสชื่อว่า Planet-X-NIBIRU ! ดาวดวงนี้จะโคจรเข้ามาใกล้โลกในปี 2009 มองเห็นได้ทางซีกโลกใต้ด้วยกล้องดูดาวพลังสูง

ปี 2011 โคจรใกล้เข้ามา มนุษย์จะมองเห็นดาวดวงนี้ด้วยตาเปล่า โตขนาดเท่าดวงจันทร์ของเรา แต่สีจะออกสีแดงๆ

ปี 2012 โคจรเข้ามาใกล้มาก จากนั้น จะเริ่มเกิดปฏิกิริยาต่อมวลสภาพอากาศบนโลก เศษหินจำนวนมหาศาลที่มากับดาวดวงนี้ จะพุ่งตกลงกระทบผิวโลก เป็นเหมือนฝนดาวตก และเป็นอันตรายต่อมวลชีวิตบนโลกเรา เพราะบรรยากาศของโลกไม่สามารถเสียดทานเอาไว้ได้

ปี 2012 วันที่ 21 ธันวาคม ดาว NIBIRU โคจรเข้ามาใกล้โลกที่สุด หายนะครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดบนพื้นแผ่นดินโลก อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

ปี 2013 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันนั้นเป็นวันที่โลก + นิบิรุ + ดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในเส้นแนวเดียวกัน แกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนขั้วกลับกัน ขั้วเหนือเป็นขั้วใต้และขั้วใต้เป็นขั้วเหนือ โลกจะหยุดหมุนรอบตัวเอง 3 วัน ( คือส่วนใดสว่างก็จะสว่างนาน 3 วัน ส่วนใดมืดก็จะมืดนาน 3 วัน) แผ่นดินจะแยกตัวเป็นเสี่ยงๆ น้ำทะเลจะปั่นป่วนเป็นคลื่นมหาสึนามิ ถล่มเมืองชายทะเลทุกแห่งของโลก เมื่อแผ่นหินเปลือกโลกเคลื่อนไหวตัว ลาวาใต้โลกจะพุ่งทะลักขึ้นมา เกิดเป็นภูเขาไฟมากมายทั่วทุกทวีป ที่เคยอยู่ใต้ทะเลก็จะโผล่ขึ้นเหนือทะเล ที่เคยเป็นยอดเขายอดเกาะก็จะยุบตัวลงต่ำสู่พื้นล่าง แน่นอน มนุษย์และสัตว์หลายล้านชีวิตต้องสิ้นไป บ้านเมืองถล่มทะลายไม่เหลือหรอ

เหตุการณ์เลวร้ายเกินกว่าจะบรรยายได้จะเกิดต่อไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2514 ดาวเคราะห์ NIBIRU จะโคจรห่างโลกออกไปเรื่อยๆ โลกจะเข้าสู่ภาวะสงบ แต่เมื่อถึงเวลานั้น จะเหลือชีวิตมนุษย์และสัตว์รอดจากหายนะหรือไม่ เท่าใด ไม่มีการทำนายไว้


ก่อนพระพุทธเจ้าประสูติ มายันบ่ง 21 ธค 2012 (พ.ศ. 2555) เป็นวันโลกาวินาศหรือมีผู้มีบุญมานำโลกสู่ยุคทอง
พระพุทธเจ้าตรัสวันล้างโลกในปีพ.ศ. 2556 และจะดำเนินต่อไปอีก 7 ปีเพื่อกำจัดคนบาปให้หมดไปจากโลก
ชาวคริสต์บ่งถึงวันพระเจ้าพิพากษามนุษยโลกกำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้

นักวิทยาศาสตรหลายท่านชี้ปี 2556 นั้น ความพินาศป่นปี้จะเกิดกับมนุษยโลก

โปรดอย่าประมาทในคำทำนายที่ว่า "ล้างโลก" นั้น คนมีบาปจะถูกส่งไปลงนรก ที่ขังไว้ในทะเลเพลิงอีกชั้น

ไม่มีใครช่วยใครได้ การสอนกันมาผิดๆ ผลบาปตกอยู่กับผู้สอนและผู้หลงเชื่อ
เหมือนโจรกับคนรับของโจรมีความผิดด้วยกันทั้งหมด
มนุษย์เท่านั้นที่สามารถแก้ไขวิกฤติเลวร้ายบนโลกนี้ได้คือ
สู้กับความจริงเพื่อให้พระศรีอารย์ปรากฏก่อนวันล้างโลก จะสามารถช่วยคนมีบาปได้
และจะนำมนุษย์สร้างสันติสุขที่แท้จริงขึ้นบนโลกให้อยู่ได้ตลอดไป

พุทธทำนายบ่งสมัยรัชการที่ 9 เป็นทางสองแพร่งที่มนุษย์ต้องเลือกทางเอง คือ 1 ล้างโลก เหตุจากมนุษย์สร้างแต่ความเห็นแก่ตน ไม่ยอมพิสูจน์ความจริงของพระศรีอารย์เพื่อเข้าสู่ยุคทอง
ซึ่งโลกจะมีพระโพธิสัตว์ถึงสองพระองค์ คือพระมหาเถรโพธิสัตว์ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช) และพระมหากษัตริย์ธรรมมิกราช (พระจักรพรรดิหรือพระศรีอารย์)

โปรดสังเกตุว่าคำทำนายโลกต่างๆ สนับสนุนซึ่งกันและกัน แสดงถึงความแน่นอนเที่ยงตรงของคำทำนาย
ตังอย่าง พุทธทำนายตรงกับคำทำนายของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี คือ
รัชการที่ 9 ถิ่นกาขาว (กาดำเปรียบเสมือนความทุกข์ สีขาวคือความบริสุทธิ์) ซึ่งจะคล้องจองกับ
รัชการที่ 10 ศรีวิไล (ยุคพระศรีอารย์ ประเทศไทยเป็นศุนย์กลางศิวิไลซ์ของโลก)
คำทำนายของรัชการที่ 1 และนอสตราดามุสบ่งว่า พระศรีอารย์เกิดที่กรุงเทพฯ
พระพุทธเจ้าและนอสตราดามุสบ่งปีที่พระองค์ตรัสรู้ในช่วง พ.ศ. 2534-2535

การพิสูจน์ทำได้อย่างไร

การพิสูจน์ทำได้โดยใช้คำทำนายที่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ซึ่งได้บ่งบอกรายละเอียดของพระจักรพรรดิหรือพระศรีอารย์ไว้ีประมาณ 30-40 รายการ ยกเป็นตัวอย่างเช่น เกิดกรุงเทพฯ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีชื่ออย่างไรบ้าง ปัจจุบันบ้านที่อาศัยอยู่ที่ไหน พระธรรมในการสร้างสันติสุขโลกเป็นอย่างไร วิชาการทางวิทยาศาสตร์ผิดตรงไหน จะแก้ไขพระไตรปิฏกให้ถูกต้องใช้หลักอะไร เป็นต้น
คำทำนายเช่นจาก พระพุทธศาสนา คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลามและลัทธิขงจื้อ เป็นต้น บ่งบอกว่าพระจักรพรรดิจะป้องกันตนเองได้ด้วยความรู้ที่เกิดขึ้นจากพระองค์ เองไม่ได้มาจากตำรา ซึ่งก็คือพระองค์เป็นพระพุทธเจ้า ผู้รู้เองโดยชอบตามที่พระพุทธเจ้าโคตมตรัสไว้ในเรื่องความ สามารถของพระศรีอารย์เหมือนกับคำทำนายของศาสนาอื่นๆ

โดย: Petervich

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น