วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ติดตั้ง Windows8 แล้วไม่ที Apps ให้โหลด เรื่องดำมืดของวงการไอที

หลายคนที่ใช้ คงไม่ค่อยเจอปัญหา เรื่องการลงแอปไม่ได้ของ Windows8 เพราะอาจยังใช้ Windows7 อยู่ (เหมือนกรุพึ่งใช้ เจ็ด ไปเมื่อวาน แปดออกอีกแล้วเหรอ ตกรุ่นเรวๆ ทำเป็นไอโฟนไปได้)
ส่วนตัวผมเองลองใช้ดูแล้ว ยังเห็นว่า เป็นระบบปฏิบัติการที่ทำมาเพื่อขายโทรศัพท์มากกว่า

หลายคนติดตั้ง วินโดวส์แปดแล้วคงเจอปัญหาแบบนี้
เข้าโหลด App Free ใน windows 8 ไม่ได้ต้องทำไงคับ

ซึ่งทาง MicroSoft ตอบมาว่า
กลับมายังคำถามของคุณ ที่ไม่สามารถดาวน์โหลด ฟรี Apps ต่างๆ ผ่าน Windows Store นั้น ลองแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ;



วิธีที่ 1


1.        เคลื่อนเมาส์ไปด้านขวามือสุดที่หน้าจอช้าๆ จากด้านล่างไปด้านบน เมื่อแท็บ Search จะแสดงขึ้นมา

2.        ที่กล่อง Search ให้พิมพ์ศัพท์ว่า region

3.        ไปที่หัวขอ Settings เมื่อ region  ได้แสดงขึ้นมา ให้กดที่ region

4.        เลือกกดที่แท็บ Location

5.        หากเลือก Thailand แล้วคลิ๊ก ปุ่ม Apply ต่อด้วยกด OK

 

วิธีที่ 2

1.        กดที่ Startscreen แล้วพิมพ์ Windows Update

2.        คลิ๊กที่ Settings

3.        คลิ๊กที่ Install optional updates

4.        คลิ๊กที่ลิงค์ที่มีข้อความว่า important update is available หากคุณต้องการที่จะติดตั้ง optional updates ที่ได้แสดงอยู่ คุณสามารถคลิ๊กลิงค์ที่มีข้อความแจ้งว่าoptional updates are available ได้เช่นกันครับ
 

วิธีที่ 3

1.       หากมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสจากเทิดปาร์ตี้ อย่างเช่น Kaspersky, ESET, Avast ฯลฯ ก็ให้ uninstall ก่อนนะครับ


วิธีที่ 4

หากคุณยังไม่มี Microsoft Account/ Local account คุณสามารถสร้าง บัญชี Microsoft ตามขั้นตอนข้างล่างนี้ นะครับ หลังจากนั้น ให้สลับไปมา แล้ว ลองเข้าสู่ Apps(ที่ Store) ดังกล่าวดู นะครับว่า สามารถเข้าได้หรือไม่ได้;


1.        ชี้เมาส์ไปยังด้านล่างมุมขวามือ แล้วค่อยๆ เคลื่อนเมาส์ขึ้นมา แล้ว กดที่ Settings

2.        กด ที่ Change PC Settings

3.        กด ที่หัวข้อเรื่อง Users

4.        กด ที่ Add a user (อยู่ด้านขวามือ ภายใต้ (Other users) เพื่อสร้าง บัญชี Microsoft ใหม่

5.        กด ที่ Sign up for a new email address แล้วดำเนินขั้นตอนที่ได้แสดงขึ้นที่หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณจนจบ

6.      Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ



แท้จริงแล้วมีวิธีการแก้ปัญหาการติดตั้งแล้ว
แต่เดิมทีตอนที่ใช้ windows consumer preview ก็ยังโหลด app ใน store ได้ แต่อัพเป็น windows release preview ก็โหลดไม่ได้อีกเลยทั้งสองเวอร์ชั่น   ทำยังไงดีครับ     อะไรประมาณนี้            

การแก้ปัญหาโหลดแอ็พได้น้อยนี้ง่ายนิดเดียว  เพียงแต่เข้าไปเปลี่ยน ภูมิประเทศใน Region and Lnguange  ใน Control Pennel

เสร็จแล้วเลือกเปลี่ยน Location เป็นประเทศอื่น แนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็น United State
เปลี่ยนตรง Current Location

แล้วระบบจะทำการเปลี่ยนภูมิภาคอื่น แล้วเราจะเข้าโหลดแอ็พได้ครับ
ซึ่งปัญหานี้อีกไม่นานคงจะได้รับการปรับปรุง จาก Microsoft ประเทศไทย ในไม่ช้าครับ

ว่าทำไมภูมิภาคเราจึงโหลดแอ็พใน Windows Store ได้น้อย

มาจะกล่าวบทไปถึง Windows8 ปฐมบท

ขอแสดงความเสีย สำหรับท่านผู้เสิร์ทเข้ามากะ จะหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องหนังที่มีชื่อปฐมบทๆ เหมือนกัน
คีฟไอทีฉบับนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ windows8 มีแต่เรื่องคอมพ์นะครับ ไม่ได้มีเรื่องนมเหมือนหนังอย่างว่า ปฐมบท เรื่องนั้น

ระบบปฎิบัติการใหม่ของ Microsoft อย่าง Windows 8 ได้ฤกษ์เปิดตัวแล้วครับ หลายคน(รวมทั้งผม) ต่างก็รอนับถอยหลังวันที่ Windows 8 วางจำหน่าย แต่หลายคนอาจจะกังวลว่า คอมพิวเตอร์ของตัวเองจะสามารถลงโปรแกรม Windows 8 ได้หรือไม่

ขอแสดงความเสีย สำหรับท่านผู้เสิร์ทเข้ามากะ จะหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องหนังที่มีชื่อปฐมบทๆ เหมือนกัน
คีฟไอทีฉบับนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ windows8 มีแต่เรื่องคอมพ์นะครับ ไม่ได้มีเรื่องนมเหมือนหนังอย่างว่า ปฐมบท เรื่องนั้น

ระบบปฎิบัติการใหม่ของ Microsoft อย่าง Windows 8 ได้ฤกษ์เปิดตัวแล้วครับ หลายคน(รวมทั้งผม) ต่างก็รอนับถอยหลังวันที่ Windows 8 วางจำหน่าย แต่หลายคนอาจจะกังวลว่า คอมพิวเตอร์ของตัวเองจะสามารถลงโปรแกรม Windows 8 ได้หรือไม่



สำหรับระบบปฎิบัติการ Windows 8 แม้จะมีหน้าตาที่ดูมีสีสันและลูกเล่นมากขึ้นกว่า Windows 7 แต่ทาง Microsoft ก็ยืนยันว่า Windows 8 สามารถทำงานบนฮาร์ดแวร์ที่สามารถใช้งาน Windows 7 ได้เหมือนกัน (Windows 8 works on the same hardware that powers Windows 7) ดังนั้น ข้อแรก ถ้าเครื่องของคุณสามารถใช้หรือกำลังใช้ระบบปฎิบัติการ Windows 7 อยู่ เครื่องของคุณก็สามารถลง Windows8 ได้ครับ

แต่ถ้าเครื่องของคุณใช้ระบบปฎิบัติการ Windows XP หรือต่ำกว่านั้น สเปคขั้นต่ำของเครื่องของคุณควรเป็นดังนี้ครับ

CPU : ความมีความเร็ว 1 GHz หรือมากกว่านั้น (1 gigahertz (GHz) or faster)

Ram : ควรมีไม่น้อยกว่า 1 GB สำหรับประเภท 32 บิท หรือ 2 GB สำหรับ 64 บิท (1 gigabyte (GB) (32-bit) or 2 GB (64-bit))

Harddisk : ควรมีพื้นที่คงเหลือสำหรับติดตั้งไม่น้อยกว่า 20 GB (Hard disk space: 20 GB)

Graphics card: การ์ดจอควรเป็นสเปคขั้นต่ำที่สามารถรัน Microsoft DirectX 9 with WDDM driver ได้ (ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเมนบอร์ดแบบที่มีการ์ดจอแบบ onboard จะผ่านคุณสมบัตินี้อยู่แล้วครับ)

สำหรับความต้องการเพิ่มเติม หากคุณต้องการใช้งานในคุณสมบัติเหล่านี้

หน้าจอที่รองรับระบบสัมผัส กรณีแทบเล็ตหรือจอคอมพิวเตอร์ ที่รองรับการสัมผัสแบบหลายจุด (To use touch, you need a tablet or a monitor that supports multitouch.)
ในกรณีที่ต้องการใช้งาน Windows Store เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้ง Apps เครื่องของคุณจะต้องสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ทได้ และความละเอียดของหน้าจอจะต้องเท่ากับหรือมากกว่า 1024 x 768 พิกเซล (To access the Windows Store and to download and run apps, you need an active Internet connection and a screen resolution of at least 1024 x 768.)
ในกรณีที่เป็น Snap apps (รองรับเฉพาะ แทบเล็ตพีซี) ความละเอียดของหน้าจอควรจะเท่ากับหรือมากกว่า 1366 x 768 พิกเซล (To snap apps, you need a screen resolution of at least 1366 x 768.)
อาจจะมีการเข้าถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อย่าลืมตรวจสอบเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยนะครับ (Internet access (ISP fees might apply)

แต่ตัว direct-x ที่มากับวินโดวส์เป็นเวอร์ชั่น 11 ตัว Internet Explorer 9
ติดตั้ง Adobe Photoshop cs5 ใช้งานได้ Microsoft Words2010 ใช้งานได้ สรุปว่าโปรแกรมไหนที่เล่นได้เวิร์ค
กับ Windows 7 ก้อซัพพอร์ตกับ windows 8 ได้หมด
ทดสอบกับทีวี 720HD ปรับ resulation 1900×789 ได้ ก้อทีวีไม่ถึง 1024HD เลยได้แค่นี้น้อ
และแน่นอน App Store ของวินโดวส์ ที่ทำมาเพื่อหากำไรกะแอปพลิเคชั่นดาวน์โหลด อาจจะได้มากกว่า
ที่จะขายวินโดวส์แท้ให้คนไทยก้อละกัน

ใครใคร่สนใจ ลองหามาใช้สรรกันได้ พร้อมตัวแก้ไอ ชื่อ AT8-2 อ้ะอ้ะ พูดอะไรออกไป พูดอะไรออกไป

ซึ่งจากมุมมองของผม ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอายุการใช้งานไม่ถึง 5 ปี ก็สามารถใช้งาน Windows 8 ได้แน่นอนครับ ส่วนถ้ามีอายุมากกว่านั้น อาจจะต้องมีการอัพเกรดอุปกรณ์บางตัวครับ

ดัดแปลงและอ้างอิงข้อมูลจาก
Credit : manacomputer www.manacomputers.com/system-requirements-minimum-for-windows/

สำหรับระบบปฎิบัติการ Windows 8 แม้จะมีหน้าตาที่ดูมีสีสันและลูกเล่นมากขึ้นกว่า Windows 7 แต่ทาง Microsoft ก็ยืนยันว่า Windows 8 สามารถทำงานบนฮาร์ดแวร์ที่สามารถใช้งาน Windows 7 ได้เหมือนกัน (Windows 8 works on the same hardware that powers Windows 7) ดังนั้น ข้อแรก ถ้าเครื่องของคุณสามารถใช้หรือกำลังใช้ระบบปฎิบัติการ Windows 7 อยู่ เครื่องของคุณก็สามารถลง Windows8 ได้ครับ

แต่ถ้าเครื่องของคุณใช้ระบบปฎิบัติการ Windows XP หรือต่ำกว่านั้น สเปคขั้นต่ำของเครื่องของคุณควรเป็นดังนี้ครับ

CPU : ความมีความเร็ว 1 GHz หรือมากกว่านั้น (1 gigahertz (GHz) or faster)

Ram : ควรมีไม่น้อยกว่า 1 GB สำหรับประเภท 32 บิท หรือ 2 GB สำหรับ 64 บิท (1 gigabyte (GB) (32-bit) or 2 GB (64-bit))

Harddisk : ควรมีพื้นที่คงเหลือสำหรับติดตั้งไม่น้อยกว่า 20 GB (Hard disk space: 20 GB)

Graphics card: การ์ดจอควรเป็นสเปคขั้นต่ำที่สามารถรัน Microsoft DirectX 9 with WDDM driver ได้ (ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเมนบอร์ดแบบที่มีการ์ดจอแบบ onboard จะผ่านคุณสมบัตินี้อยู่แล้วครับ)

สำหรับความต้องการเพิ่มเติม หากคุณต้องการใช้งานในคุณสมบัติเหล่านี้

หน้าจอที่รองรับระบบสัมผัส กรณีแทบเล็ตหรือจอคอมพิวเตอร์ ที่รองรับการสัมผัสแบบหลายจุด (To use touch, you need a tablet or a monitor that supports multitouch.)
ในกรณีที่ต้องการใช้งาน Windows Store เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้ง Apps เครื่องของคุณจะต้องสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ทได้ และความละเอียดของหน้าจอจะต้องเท่ากับหรือมากกว่า 1024 x 768 พิกเซล (To access the Windows Store and to download and run apps, you need an active Internet connection and a screen resolution of at least 1024 x 768.)
ในกรณีที่เป็น Snap apps (รองรับเฉพาะ แทบเล็ตพีซี) ความละเอียดของหน้าจอควรจะเท่ากับหรือมากกว่า 1366 x 768 พิกเซล (To snap apps, you need a screen resolution of at least 1366 x 768.)
อาจจะมีการเข้าถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อย่าลืมตรวจสอบเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยนะครับ (Internet access (ISP fees might apply)

แต่ตัว direct-x ที่มากับวินโดวส์เป็นเวอร์ชั่น 11 ตัว Internet Explorer 9
ติดตั้ง Adobe Photoshop cs5 ใช้งานได้ Microsoft Words2010 ใช้งานได้ สรุปว่าโปรแกรมไหนที่เล่นได้เวิร์ค
กับ Windows 7 ก้อซัพพอร์ตกับ windows 8 ได้หมด
ทดสอบกับทีวี 720HD ปรับ resulation 1900×789 ได้ ก้อทีวีไม่ถึง 1024HD เลยได้แค่นี้น้อ
และแน่นอน App Store ของวินโดวส์ ที่ทำมาเพื่อหากำไรกะแอปพลิเคชั่นดาวน์โหลด อาจจะได้มากกว่า
ที่จะขายวินโดวส์แท้ให้คนไทยก้อละกัน

ใครใคร่สนใจ ลองหามาใช้สรรกันได้ พร้อมตัวแก้ไอ ชื่อ AT8-2 อ้ะอ้ะ พูดอะไรออกไป พูดอะไรออกไป

ซึ่งจากมุมมองของผม ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอายุการใช้งานไม่ถึง 5 ปี ก็สามารถใช้งาน Windows 8 ได้แน่นอนครับ ส่วนถ้ามีอายุมากกว่านั้น อาจจะต้องมีการอัพเกรดอุปกรณ์บางตัวครับ

x
ดัดแปลงและอ้างอิงข้อมูลจาก
Credit : manacomputer www.manacomputers.com/system-requirements-minimum-for-windows/

ทำไมต้องเปลี่ยนจาก windows Xp เป็น Windows 7 (ภาคปฏิบัติ)

จุดเปลี่ยนของยุค XP และ vista ที่ถ่ายทอดมาจนถึง Win7 (บทความต่อเนื่องกับ ทำไม ภาคทฤษฏี http://www.saraay.net/?p=338)สิ่ง หนึ่งที่ส่งผลต่อระบบมัลติมีเดียและการแสดงผลคือ ไดรเวอร์ขับเคลื่อนคู่ใจ Direct X กว่าจะมาเป็นเวอร์ชั่นที่เล่นได้ทุกสภาพเกมส์กล่าวคือตัวซอรสเอ็นจิ้นที่ถูก พัฒนาร่วมกับเกมส์  ที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาต่อมาทั้งภาพและเสียง ไม่เพียงแต่ซอฟท์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อ Direct X แต่ฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณืคอมพิวเตอร์ก็ถูกออกแบบมาให้รองรับกัน ชุดคำสั่ง direct X หรือเรียกได้ว่า Api จัดเป็นแอปพลิเคชั่นคู่บุญมากะไมโครซอฟท์Windows Xp มาพร้อมกับ DirectX 8 จวบจน Xp Sp2 ตัวไดรเวอร์นี้จึงถูกเปลี่ยน เวอร์ชั่น 9แล้ว vista ก็มาพร้อมกับ Direct X 10 จนถึงลูกหม้อ Win7 ก็ขับเคลื่อนด้วย Direct X 11

เราจะมาเปรียบเทียบกันก่อนที่การแสดงผลของ DirectX  ชุดคำสั่งที่มาด้วยกันประกอบด้วย direct draw direct sound และ direct3d ส่วนตัวข้อดีของ DirectX 11 ก็คือการแสดงเงาให้กับวัตถุ(shader) การให้รายละเอียดกับพื้นผิว(bump map, Normal map) การแสดงผลที่รวดเร็วกว่า. ลดรอยหยักของโพลีก้อนมาถึงจุดนี้สำหรับผู้ที่สนใจให้ลองดูการเปรียบเทียบภาพ เกมที่เห็นเยอะของ dx9 และ 11 ก็เป็น crysis ภาคแรก



เหล่านี้รวมไปถึงการใช้การ์ดจอที่ทำมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีด้วย  เกมเมอร์เกรียนทักวันนี้เวลาจะสั่งเสปคคอมถึงร้านเขาจะบอกก่อนเลยว่าขอ การ์ดจอเทพๆเล่นเกมแรงๆ ซึ่งทุกวันนี้การ์ดจอรุ่นใหม่รองรับ เทคโนโลยี direct X 11 และเทคโนโลยีเหล่านั้น คุณจะได้แต่นั่งมองตาปริบๆ เพราะ windows xp จะใช้ได้แค่ Directx เวอร์ชั่นเก้าแต่ก็น่าดีใจอยู่อย่างกับยูสเซอร์ที่ทัน cpu ตระกูล core เพราะตัว cpu เองมีชุดคำสั่งที่สนับสนุนให้ทำงานสามมิติได้ดี

อีกข้อคือการใช้หน่วยความจำ บางคนอาจจะยังงงอยู่กับคำว่า Windows 32 bit Win64 bitตัวติดตั้ง Windows7x86และ X64 อันนี้ขึ้นกับหน่วยความจำล้วนๆ หมายถึงคอมพิวเตอร์สมัยนี้จะรองรับ เทคโนโลยี 64bit หมดแล้วโปรแกรมที่อัพเดทตามๆ กันมาก็ใช้ร่วมกับ 64bit

พูดแค่นี้อาจยังไม่เห็นภาพลองเข้าไปเรื่อง Ram คอมพิวเตอร์เลยละกัน แรมคือตัวหน่วยความจำสำรอง เรียกง่ายๆเวลาคอมพิวเตอร์รุ่นดึกดำบรรพ์ลองมาเล่นเทียบกันกับคอมใหม่ถอด ด้าม เกมเดียวกัน โปรแกรมเดียวกัน แต่ใช้เวลาโหลดเป็นฟ้ากับเหวหากเราใช้แรมคอมพิวเตอร์มากกว่า 4gb จะเกิดปัญหาที่คนไม่รู้อย่างเดียวกันเลยก็คือ เครื่องมองไม่เห็นกรณีที่คุณใช้Windows 32 bit แม้จะใส่แรม 8gb 10gb แต่เครื่อง 32bit ก็จะเห็นเพียง 4 gbแถมแรมพีซีแถว 4Gb ราคาไม่ถึงพัน อัพได้สบายเสียแต่ว่าหลังน้ำท่วมของก้อแพงขึ้นบ้างตามรัฐบาล

ก่อนหน้านี้เท่าที่ผมเคยลองนะ จะมี Windows Xp 64bit มาให้ใช้ แต่่หาโปรแกรมรองรับยากมาก  ผู้ที่เลือกใช้ส่วนใหญ่จะเป็นกราฟฟิกดีไซน์หรือ3d แอนนิเมเตอร์มากกว่า(ผู้สร้างงานสามมิติ) เพราะคนกลุ่มเหล่านี้ต้องใช้ความละเอียดในบิตของสีแต่สมัยนี้เกมสำหรับ ฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ล้วนเป็นเกมที่รองรับ 64bit และเทคโนโลยีใหม่ๆกันทั้งสิ้น

กล่าวถึงข้อที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด

Windows xp กะ Windows 7 มันก็ครือๆกันนั่นแหละ. !!!พิมมาสองบทแล้วนา ถ้ายังไม่จุใจลองไปอ่านภาคทฤษฏีเพิ่มไหม
Xp เป็นเครื่องไว้เล่นเกม เซเว่นเอาไว้ทำงาน
 
!!! เข้าใจว่าเซเว่นเป็นเครื่องแมคหรือเปล่า เซเว่นก็เอาไว้เล่นเกมได้นะ หรือแม้เครื่องแมคทุกวันนี้เกมก้อเยอะเหมือนกัน
เสปคไม่ถึงลงเซเว่นไม่ได้  !!!ถ้าคุณใช้คอม pentium 4 ขึ้นไป อัพแรมเป็น 4 gb ลงเซเว่นได้สบาย คอมจัดเป็นปัจจัยสำคัญของโลกทุกวันนี้แล้วนาถ้าใช้บ่อยๆ ไม่คิดจะอัพเกรดมันบ้างหรือ
ขี้เกียจลงโปรแกรมใหม่ ข้อมูลสำคัญเยอะมาก !!!คอมส่วนใหญ่จะตั้งแบ่งฮาร์ดดิสก์ไว้สองไดรว์ ถ้าจะลงก็ย้ายไปไว้อีกไดรว์หนึ่ง ส่วนใหญ่เป็น ไดรว์ D ไม่มีโปรแกรมไรในโลกที่หาลงใหม่ไม่ได้  น่ากลัวแต่ว่าจะมีอย่างหนึ่งที่ท่านชาย กลัวหายและเรียกว่าข้อมูลสำคัญ กลัวหนังโป้หายที่บ้านใช้ windows 98 ยังเล่น Diabol 3 ได้เลย !!! เหยดดดดด ไอ้ขี้โม้ Diabol2 หรือเปล่าฟร่ะ

ทุกอย่างมันมีช่วงเวลาของมันความดีความทนของเอ็กพี เพราะผ่านการอัพเดทมาหลายเวอร์ชั่น หากคนชอบขี่รถมอไซด้วยใจรักจึงขับเวสป้า ปี80 หากวันเวลาผ่านไปของบางอย่างก็ได้กลายเป็นของสะสมไปดีกว่ารถมอไซรุ่นใหม่ยอม มีระบบหัวฉีด และเครื่องที่เสถียร ประหยัดน้ำมันกว่า ที่ยกเรื่องมอไซมาเพื่อจะได้เห็นภาพครับ

ผมมากล่าวย้ำเป็นรอบสองแล้วนะ ลองเปลี่ยนดูเปลี่ยนไม่ยากเหมือนเปลี่ยนใจไปจากเธอหรอก อิอิอิ

Tip เช็คเวอร์ชั่น directX ง่ายๆ  Start menu>Run>พิมพ์ Dxdiag
Credit ::: เว็บ i3 และ wiki directx

ทำไมต้องเปลี่ยนจาก windows Xp เป็น Windows 7(ภาคทฤษฏี)

 สำหรับผู้ใช้ คอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการ วินโดวส์นะครับ พวกใช้เครื่อง Mac เครื่อง linuxx ไม่ต้องมาแขวะ (ผู้ที่ต้องการอ่านแค่เหตุผล ให้อ่านตัวหนังสือสีส้มไปเลยนะครับ)

เนื้อหาอาจจะยาวไปสักหน่อยนะครับ ถ้าอยากจะรู้ว่าทำไมจำเป็นต้องเปลี่ยน ทนอ่านดูสักหน่อย
ก่อน หน้านี้เรามีระบบปฏิการที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง ถือเป็นจุดกำเนิดเลยก็ว่าได้ที่ทุกเครื่อง ทุกบ้านต้องมีคอมพิวเตอร์ไว้ใช้ติดบ้านนั่นคือยุคของ windows98 คอมสมัยนั้นเอาไว้พิมงาน เล่นเกมได้ก็อกๆแก็กๆ พวกเกมวางแผน red alert และ Starcraft ก็ดังมาจากระบบนี้เพราะไม่มีเครื่องเกมไหนใช้คอนโทรลการวางแผนได้ดีเท่า การใช้เมาส์และคีย์บอร์ดอีกแล้ว

ก่อน ยุคระบบ วินโดวส์ยอดฮิตมักจะมีระบบปฏิการหนึ่งมาแทรกเสมอ เมื่อถึงปี 2000 ไมโครซอฟท์แนะนำให้เรารู้จักกับWindows Me หรือวินโดวส์มิลลิเนี่ยม ออกมาไม่นาน  มีปัญหากับคนที่เปลี่ยนไปใช้ระบบนี้กันกระจาย โดนด่ากันระงม



จน ไมโครซอฟท์ต้องเข็นวินโดวส์ตัวใหม่ออกมาแก้ตัว คือ Windows Xp (ซึ่งปัจจุบันหลายคนยังใช้อยู่และยังถือเป็นระบบที่ยังเสถียรอยู่)แต่กว่า ผู้คนจะยอมรับ Xp มาไว้ใช้ในอ้อมอกอ้อมใจ ตัว xpเองก็ออกแพทมาแก้ไขจนถึง Service patch 1 หรือเรียกกันเกร่อว่า Xp sp1

และเช่นเคยก่อนจะมีวินโดวส์ยอดฮิตติดตลาด ก็จะมีอีกวินโดวส์หนึ่งมาคั่นเสมอ นั้นคือการมาถึงของ Windows Vistaท้าวหลังไปช่วงก้ำกึ่ง xp กะ Vista สิ่งหนึ่งที่ฮิตมากๆ เลยก็คือวินโดวส์ที่เปลี่ยนหน้าตาได้ เช่น Windows Xp Vista skinWindows dark. Windows black windows True อะไรมั่งก็ไม่รู้ซึ่งมาพร้อมหน้าตาและทีมที่เปลี่ยนได้และคนที่เคยลองผ่านมา บ้างกับวินโดวส์ดัดแปลง พันธุกรรมเหล่านี้ แน่เลยว่าคุณใช้วินโดวส์เถื่อน อิอิ

กลับมาที่ยุคล่มสลายของวิสต้ากันต่อ ช่วงนั้นเครื่อง Pc ใหม่ เครื่องโน๊ตบุ้คก็อัพตัวเองเพื่อรองรับ vista กันใหญ่ ติดข้างกล่องเลยว่า support vista หนักเข้า ก็มีโน๊ตบุ้คที่รองรับวิสต้าเท่านั้นก็มี หลังจากเปิดตัวและบักส์มากมายเหลือรับประทาน วิสต้ามันมากับความแฮงค์และแฮงค์ค้างกันโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากรับเสียงก่นด่าจากยูสเซอร์ทั่วไป จึงถึงเวลากำเนิด Windows 7

ส่วนข้อเสียของโปรแกรมอื่นที่ทำมายังไม่รองรับ กับตัว Windows 7 เอง ทั้งเกมและทั้งโปรแกรมจากช่วงแรกๆ ที่ซับพอร์ตกับเซเว่นเองก็มีแต่โปรแกรมของไมโครซอฟท์ เรียกว่่าจะเปลี่ยนกันทั้งทีก็เปลี่ยนกันแบบไม่ให้ตั้งตัวจนค่ายอื่นปรับไม่ ทัน จนหลังโปรแกรมที่รองรับเพิ่มมากขึ้น (สามารถตรวจสอบ โปรแกรมที่รองรับได้กะ wikipedia นะครับ)เกมที่พัฒนาก็รองรับมากขึ้น  ได้บุญเก่ามาบ้างจาก Win Vista ที่พอมีเกมส์ที่ทำใหเล่นได้แต่ในวิสต้า ก็มาเล่นต่อในเซเว่นได้

นอกเสียจากเป็นเกมส์จากค่ายฝั่งเอเชียบ้านเรา. ที่คนไทยชอบเล่นกันนี่เอง. ที่ไม่ค่อยจะซัพพอร์ตกะวิสต้าเอาเสียเลยผมแนะนำง่่ายๆ หากเกมส์ที่เล่นอยู่เล่นได้แต่ใน Xp เท่านั้นแนะนำให้ เลิกเล่น้กมส์นั้นซะ เพราะทุกวันนี้มี้กมส์ใหม่ๆ ดีๆ ที่ทำออกมารองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และท่านอาจจะพลาดการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เกมส์ใหม่ๆ เพราะปิดหูปิดตาอยู่กับ xp

ปัจจุบัน  Windows 8 beta ได้ถูกปล่อยมาให้ทดลองใช้  แต่บทเรียนจากการเปลี่ยนเวอร์ชั่นของวิสต้าก็ต้องทำให้ไมโครซอฟท์ทดสอบแก้ ปัญหาของตัวเองให้ดีก่อนจะปล่อยออกสู่ตลาด ข่าวว่าตัววินโดวส์ 8 เองจะไม่ได้มาแทนที่เซเว่น แต่จะพัฒนาไปพร้อมๆกัน เพราะตอนนี้ Windows 7 sp1 เสถียรมากแล้ว ผู้ที่ยังใช้ Win Xp อยู่คงต้องเปลี่ยรแล้วนะครับ เพราะรู้สึกว่าทาไมโครซอฟท์ก็ประกาศเลิกพัฒนาผลิตภัณท์ตัวนี้แล้ว ผู้ที่อ้างว่าไม่อยากเปลี่ยนเพราะเสียเวลาลงโปรแกรมนาน โปรแกรมที่ใช้ทั่วไปทั้งหมดจริงๆ สามารถลงได้ภายในสามชั่วโมงครับ (อันนี้อ้างอิงจากตัวเองที่เคยลงโปรแกรมทำงานด้านกราฟฟิก) และผมก็เคยลงวินโดวส์เซเว่น ช่วงทดลอง เดือนหนึ่งลงสามสี่ครั้งก็มี


เมื่อไมโครซอฟท์ทำให้ผู้ใช้เจ็บปวดจากการเปลี่ยนวินโดวส์คราวก่อน  หลายๆคนจึงเข็ดกับการเปลี่ยนเวอร์ชั่นของวินโดวส์และช่วงนี้เองเป็นการกลับ มาของระบบที่ไม่ทำให้คุณผิดหวัง ของ Apple คือ os X ผู้ใช้หลายคนเริ่มหันหน้าเข้าไปหยิบแอ้ปเปิ้ลลูกสีดำมากัดกันคนละคำ แอปเปิ้ลหลอกให้ชิมรสดนตรีไปหนึ่งคำกับ Ipod ให้ชิมโทรศัพท์ทัชสกรีนกับ Iphoneแต่ยุคที่เข้ากันมาของ Iphone ไมโครซอฟท์ก็หันไปจับตลาดเกมส์ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่าง Xbox

กลับมาเรื่องวินโดวส์กันต่อในโอกาสหน้านะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กุหลาบแก้ว

นานมาแล้วที่คน ๆ หนึ่ง มีความฝันธรรมดาเหมือนคนทั่วไป
ถึงวันวาเลนไทน์ เมื่อไรก็จะเดินไปพร้อมคนที่เรารัก

แต่ไม่เคยมีหญิงคนใดที่จะอยู่ข้างเขาตลอดไปจนถึง 14 กุมภา

เด็กชายเริ่มตามหา ก็เหมือนยิ่งไกลห่าง
เฝ้ารอกลับได้มาในสิ่งที่ไม่ต้องการ จนเริ่มมีคำถามที่เข้าข้างตัวเองว่า  มีความรักทำไม มีความรักเพื่ออะไร

และเขาชอบการอยู่คนเดียว อย่างโดดเดี่ยวแต่มีความเสรี
แฟนคนเดียวที่อยู่กับเขาเสมอคือ ความอิสระ
ไม่ใช่เขาไม่เคยรักใคร เคยรัก รักซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำไปซ้ำมา
พยายามหาความผิดพลาดของตัวเอง

ทำยังไงจะให้คนรักอยู่ด้วยกันนาน ๆ ทำอย่างไรหรือ
อาจจะรักแต่ละเลย ผูกพันธ์แต่ไม่เคยเข้าใจ

บางทีพอเอาใจใส่มาก ๆ ติดตามทุ่มเททุกสิ่ง ความรักกลับเหมือนสิ่งน่ารำคาญ
ปล่อยปะ ละเลยก็ห่างเหิน เกินจนความรักที่บอบบ้างเริ่มแตกร้าว
และกระจายเป็นชิ้นในที่สุด
 
เป็นคนไม่พอดีหรือไงนะ
เรารักเพียงแค่ผ่าน พอรู้จักกัน ก็เดินกันไปตามกาลเวลา
คงมีสักคนที่ต้องการมีจังหวะเวลาเดียวกับเขา
.......
ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่ง เดินเข้ามาในชีวิต บอกว่า
รักเขา คิดถึงเขา ตลอดเวลา
คนนี้สินะที่เฝ้ารอ
วาเลนไทน์นี้คงไม่เหงาอีกต่อไป
เขาเริ่มตามหาของขวัญเพื่อความรักครั้งใหม่
เป็น กุหลาบแก้ว กลีบแต่ละกลีบของดอกเป็นแก้ว

แวววับ สวยงามดูล้ำค่า
อันหมายถึงความรักที่เปราะบาง

และต้องทะนุถนอม
แล้วทุกอย่างก็จบลงก่อนใกล้วัน...

กุมภา วันที่ 14
 
คนๆ นั้นเขาก็ยังมีความหวัง หวังว่าสักวัน
จะมีผู้หญิง ที่จับมือเขาไว้และไม่มองไปทางไหน
เปรียบดังคนพิเศษสุด ที่รักเขาด้วยใจ
เป็นผู้หญิงที่เขาจะเดินไปบอกกับใคร ๆ ว่านี่เป็นแฟนเรานะ
ในมือเธอจะถือ กุหลาบแก้ว ไว้อันเป็นสัญลักษณ์ว่า
.
.
.
เขาได้ถูกคลายคำสาปจากวันแห่งความรักนี้แล้ว
รวมงานเขียนเก่าๆ 25 กุมภาพันธ์  2549 จาก รอยยิ้มบนกระดาษ

จิตรกรบนเกาะทราย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (เกริ่นนำแบบนี้คงพอจะเดาได้ ว่าเราจะเล่านิทานให้ฟัง)
ชายคนหนึ่งอาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่แห้งแล้ง  โอบรอบด้วยผืนน้ำทะเลไกลสุดตา
แต่ก็ยังสามารถข้ามไปบนผืนดินใหญ่ในเมืองศิวิไลท์ด้วยการว่ายน้ำได้
เขาอยู่อย่างนี้มานานนับสองสามปีจนเกิดเป็นความผูกพันธ์กับการอยู่บนเกาะเล็กๆ

แต่ละวัน  เขาทำอะไรบนเกาะๆนี้
เขาเพียงต้องการวาดภาพต้นไม้  ให้เกาะทรายกลายเป็นป่า  วันละต้น วันละต้น
เพียรวาดทุกวัน  จากเกาะที่มีแต่พุ่มไม้เล็กๆ  กลายเป็นผืนป่าขนาดย่อม  ที่เขาเฝ้ามองด้วยความภูมิใจ

เมื่อถึงหน้ามรสุม คลื่นน้ำทะเลลมแรง หอบพัดเอาหญิงสาวเรืออัปปางมาเกยฝั่ง
หญิงสาวเล่าให้ฟัง เรือของเธอนั้นโดนพายุจนเธอผลัดตกลงมา
เธอพยายามว่ายไปหาฝั่งจนหมดแรง หมดสติและมาฟื้นที่นี่
เธอเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับสังคมเมืองใหญ่  ขอเธอพักอยู่ที่นี่ที่เงียบสงบและไม่วุ่นวาย

สองคนอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นคู่รักที่มีความสุข
ต้นไม้กระดาษที่ชายคนนั้นวาดขึ้นมา  บัดนี้ต้นไม้ประกอบด้วยดอกไม้สีสันกระจ่างตา
ประกอบด้วยรายละเอียดของพืชพรรณ  วิจิตร  สวยหรูจนนกและแมลงหลงเข้ามาอยู่อาศัย
หญิงสาวอยู่พักฟื้นบนเกาะหายจากอาการบาดเจ็บ เธอก็มีภาระการงานที่ต้องทำบนผืนแผ่นดินใหญ่
ทั้งสองจึงตกลงกันว่า ถ้าเธอมีเวลาก็จะว่ายน้ำจากผืนแผ่นดินใหญ่มาหาเขา
เขามีเวลาจะว่ายน้ำจากเกาะเล็กไปหาเธอ  ทั้งสองไปมาหาสู่กันอย่างนี้เรื่อยมา

เรือที่เธอเคยโดยสารมาวันที่เธอโดนพายุ  แวะมาหาเธอที่เธอที่เกาะ
กะลาสีก็ต้องการให้เธอขึ้นเรือและกลับไปกับเขา
กะลาสีบอกวันที่เธอลงเรือเขาก็คิดว่าเธอจะไม่จากไป  คิดว่าคงแกล้งโดดลงน้ำ และว่ายกลับมาขึ้นเรือเหมือนเดิม
เธอเล่าให้ฟัง  ที่จริงเรือเธอไม่ได้โดนพายุพัดจนอัปปาง  แต่เธออยู่บนเรือแล้วไม่มีความสุข
เรือใหญ่แต่ไร้ที่ให้ใจอาศัยอยู่  ทันเหนื่อยกับการท้อ  การรอ และการที่ทะเลาะกับกะลาสีทุกวัน
จึงโดดลงจากเรือ และจะว่ายน้ำขึ้นฝั่ง

http://www.youtube.com/watch?v=m7oImkbg1fo
เพลงประกอบครับเปิดคลอเบาๆ - ลมหายใจของเมื่อวาน ลิปตา

และแล้ววันหนึ่งหญิงสาวจากผืนแผ่นดินใหญ่ ก็อาศัยอยู่กับจิตรกรบนเกาะทรายได้ไม่นาน
เธอมาบอกเขาว่า  เธอเหนื่อยกับการที่เป็นคู่รักที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
เธอเหนื่อยกับการว่ายน้ำ  ทั้งนาน  ทั้งหนาว และเปียกน้ำ  อยากจะขออยู่คนเดียวที่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องใดๆ
เธอไม่อยากให้เขาต้องเหนื่อยกับการว่ายน้ำนานๆ  ต่อไปจะได้ไม่ลำบากมาหาเธอ
จะได้ไม่รอว่าสักวันหนึ่งเขาจะโดนคลื่นทะเลกลืนหาย
แต่เธอไม่ได้ถามเขาเลยสักคำว่า  ต่อให้เขาเหนื่อยกว่านี้  ต่อให้ไกลกว่านี้
เพื่อจะได้พบเจอเธอเขาก็ยอมว่ายน้ำมา  เพื่อจะได้เจอคนรัก  เขาก็ยินดี
เขาคิดอย่างนี้ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจให้เธอห่างไกล  เขามองเห็นแต่ข้อดีของการมีคนมาร่วมทาง
ความรักก็เป็นเช่นนี้....  เมื่อแรกคนเราต่างก็มองเห็นแต่ความสุขของชีวิตคู่  แต่เมื่อร่วมทางหลายสิ่งจะเจอปัญหาเล็กบ้างใหญ่บ้างเข้ามา  เพียงแต่ถ้าไม่ใส่ใจกับปัญหาที่เกิด  จะทำให้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันได้ 
 
เมื่ออยู่ด้วยกันหลายคนสร้างปัญหาด้วย ความคาดหวัง  หวังให้ได้อย่างนี้หวังให้สม่ำเสมออย่างนี้ ก็เหมือนเราวิ่งไล่จับ  คนจับก็เหนื่อยคนหนีก็เหนื่อย  ปล่อยรักเป็นไปตามธรรมชาตินั้นสุข  จะรักกันอย่างธรรมดา เว้นแต่ว่าจะรักกันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์อื่นๆตามมานั่นเป็นธุรกิจ
 
รักก็ทุกข์สุขก็ทุกข์  หากแต่ทุกอย่างเราแบกมันไว้มันก็หนัก  ถือรักเป็นสุขก็สุขถือรักเป็นทุกข์ก็ทุกข์
 
 
 บางคนที่เคยอภัยให้เขาทุกอย่างแล้ว เมื่อวันหนึ่งก็บอกจะไม่ทนกับปัญหาเดิม  ที่เคยยอมให้กันตลอดแล้วเมื่อวันหนึ่งไม่ยอมขึ้นมาก็ต้องแยกทางกัน....เท่า นั้นเองหรือ
บนเกาะผืนทรายที่เต็มไปด้วยต้นไม้กระดาษ  ชายบนเกาะโบกมือลา  หญิงสาวเดินแช่น้ำไปครึ่งตัวเตรียมกลับไป  กะลาสีบนเรือลำเดิมขี่เรือมารับ  แต่หญิงสาวก็หันหลังว่ายน้ำไปสู่แผ่นดินศิวิไลท์  กะลาสีเมื่อหญิงสาวไม่ขึ้นก็หันหางเสือเพื่อขับเรือไปคนละทาง 
.....วันนี้ชายบนเกาะยังวาดภาพต้นไม้ของเขาอยู่เช่นเดิม  แต่เป็นเพียงลำต้นแห้งเหี่ยว  ภาพกิ่งไม้สีดำเหมือนต้นไม้แห้งตายปรากฏอยู่ทุกย่อมหญ้า
หากเป็นคุณ  ต้องตัดสินใจในสถานการณ์แบบนี้ คุณจะทำเช่นไร

สะกดคำว่าลืม...ไม่ถูก

ช่วงปีนี้มีหลายเรื่องราว เกิดขึ้นมากมาย  ทั้งเรื่องที่ดี  เรื่องไม่ดี  และเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าดีหรือไม่ดีดี
Không có chi Chào anh  สวัสดีน้องสาวชาวเวียดนาม  จนถึงวันนี้ก็ยังบอกว่ารู้สึกดีมากที่ได้พบกับเธอ

ไม่อยากคบกับคนไทยแล้ว  ลองเปลี่ยนมุมมองชีวิต  และวัฒนธรรมใหม่ๆ บ้าง
จนมาพบกับสาวญวน  คนนี้  วันแรกที่ผมเห็นเธอยิ้ม  ความเศร้าความเหงาเหมือนจะหายไปหมด
เป็นคนยิ้มสดใส  และยิ้มอย่างมีความสุข  แต่พูดไทยไม่ชัดเอามากๆ เพราะอยู่ไทยมาไม่ถึงปี
คำนึงที่น้องเขาพูดไว้กับผม  ว่า "เดี๋ยวธัญญ์จะจีบพี่เอง  ธัญญ์จีบพี่ได้ไหม  แผลในใจของพี่  จะทำให้หาย" ฟังแล้วหัวใจพองโตเลย
 Tôi đi cùng bạn gái của tôi
ธัญญ์ เป็น นักศึกษาเวียดนาม ที่มาเรียนที่ ราชภัฏอุดรธานี  เป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและวัฒนธรรม
มาจาก ฮานัง เมืองที่ติดทะเล  เธอเป็นคนตัวอวบๆ ตัดผมสั้นเหมือนทรงนักเรียน  หน้าตาน่ารักๆ
ตอนมาอยู่ไทยใหม่ๆ  บอกว่าเครียดมาก  ไม่รู้จะหันหน้าไปไหน  หันหน้าคุยกับใคร
เวลาเครียดมาก  ธัญญ์ก็จะกินๆ สองสามเดือนก่อนจะอ้วนมากๆ  จนเพื่อนเรียกว่า "หมูน้อย"
ทุกทีไปเที่ยวกัน  เธอชอบให้พาไปนั่งเล่นสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ไปแล้วก็ไปนั่งคุยกัน  เดินเล่น
ช่วงนั้นไปบ่อยๆ จนไม่รู้เบื่อ  ชื่อธัญญ์ภาษาเวียดนามเขียนว่า Thinh  Thien  Thanh  แบบว่าออกเสียงไม่ถูกเลยละ
ครั้งที่ความสัมพันธ์เริ่มก่อตัวอยู่ที่โรงหนัง  ไปดูหนังด้วยกันกะธัญญ์
น้องเขานั่งหนาวๆ แล้วก็เบียดมาใกล้ๆ จนหนังเล่นไปได้สัก 30 นาที
เขาก็มาจับมือผมไว้ แล้วถามว่า พี่ธัญญ์จับมือได้ไหม ได้ไหมละ
ผมก็เลยงงเลย  ก็บอกเขาว่าถ้าธัญญ์ไม่จับก่อนพี่ก็ว่าจะจับมือธัญญ์อยู่แล้ว
เขาว่า จับมือพี่แล้วตื่นเต้นมากๆเลย เป็นไรก็ไม่รู้ รูู้สึกดีมากๆ
ผมฟังแล้วก็นั่งยิ้มเป็นสุขอยู่ในใจ  Toi nụ cười sung sướng làm cho hết lòng
หมูน้อยชอบให้กอดเขาไว้  ถามเสมอๆ ว่าพี่กอดได้ไหมอะ
เขาเล่าให้ฟังว่าตอนอยู่เวียดนามก็ชอบกอดเพื่อน  จนเพื่อนรำคาญ
แล้วเวลานั่งรถมอไซไปเที่ยวด้วยกัน  ก็ชอบมากัดหลังเรา
ถามเขาว่า เป็นไรเนี่ย โรคจิตหรือเปล่า เขาก็ว่า ก็ใช่ไงโรคจิตๆ
เวลาเขากัดแรงๆได้เขาก็จะ หัวเราะดีใจ หลบไม่ให้กัดก็งอแงๆ เฮ้อ
กัดแรงไม่แรงไม่รู้นะ แต่บางทีมาส่องกระจกดูเนี่ยเป็นห้อเลือด รอยฟันเลยละ
อยู่กับเขาแล้วมีความสุขดี  เขาเป็นคนขี้เล่น  คุยสนุกสนาน
พูดตรงไปตรงมา  เพราะอะไรหลายอย่างของวัฒนธรรมเขามั้ง
เขาถามผมว่า ทำไมคนไทยชอบทาแป้ง  อันนี้ผมก็ตอบเขาไม่ได้แต่ก็ว่าทาแล้วสวยไง
ดาราก็สวยเพราะทาแป้ง  คนเวียดนามปกติก็ไม่ได้ทา ก็อืมผิวเขาสวยอยู่แล้วนี่เนอะ
แล้วก็ไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ ขนาดการ์ตูนโดเรม่อนที่ช่องเวียดนาม
ยังใช้นักพากษ์คนเดียว  จะดูสนุกได้ยังไงนะ  แต่เขาก็สนุกของเขา
สงสัยจะเป็นนโยบายประหยัดงบประมาณ ให้มีนักพากษ์คนเดียว
เห็นว่าหลังจากสงครามเวียดนาม  คนเวียดนามส่วนใหญ่จะมีนิสัย
เคร่งครัดและเจ้าระเบียบ  และต้องขยันอดทน
ก็คงเหมือนเราไปเรียนรู้วัฒนธรรมของเขาผ่านประสบการณ์จริง
             
ธัญญ์เขาไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย  บอกว่าที่บ้านบอกไม่จำเป็นต้องมีศาสนา
เคยพาเขาไปตักบาตร  ตอนพระสวดเขาก็นั่งเฉยๆ   นั่งขัดสมาธิอีก
จนเราต้องสะกิดว่าธัญญ์ๆ ยกมือทำท่าไหว้พระหน่อย  เพราะคนรอบข้างเริ่มมองด้วยสายตาแปลกๆ
แต่บุญกุศลที่ได้จากการตักบาตร  ก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่เลย
แล้วก็รู้สึกว่าเขาจะมีเซ็นส์อะไรหลายๆ อย่าง  บอกว่าเห็นผีตามที่ต่างๆ
แล้วก็ชอบเล่นกะแมวมากๆ  บางทีก็เล่นแรงซะแมววิ่งหนี
ทั้งที่ผมไม่ค่อยชอบสัตว์เลี้ยง  แต่ก็รู้สึกว่าผมจะชอบแมว  เพราะนิสัยแมวเหมือนธัญญ์
เขาฝากความฝันกับผมไว้เรื่องนึง  บอกว่าเดี๋ยวธัญญ์จะพาพี่ไปเที่ยวที่บ้าน
ทะเลบ้านธัญญ์สวยมากๆ แต่ธัญญ์ก็อยากไปเที่ยวภูเก็ตอยากไปเที่ยวเกาะเสม็ด
เป็นเหมือนฝากความหวังไว้ในใจเรา  ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีคนนำทางเราไป
แต่ช่วงนึงในชีวิตก็อยากไปเที่ยวทะเลฮานัง ดูสักครั้ง
sự du lịch Việt nam đại dương
        
......
จนวันปิดเทอมแรกของปีการศึกษานี้  หมูน้อยต้องกลับบ้านที่ฮานัง(ดานัง)
เห็นจะกลับไปนาน   ผมก็เลยซื้อหนังไทย "รักสามเส้า" กับ หนังสือการ์ตูนนานะ  ให้ถือไปอ่านที่เวียดนาม
ไม่รู้อะไรเข้าสิงเหมือนกันที่ซื้อหนังเรื่องนี้เอาให้เขา  แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย
นอกจากว่าชอบดูน้องพีค  และเพื่อนบอกว่าหนังเรื่องนี้สนุกมากซึ้งๆ
เดินทางจากไทย-ไปเวียดนาม  จากอุดร  ผ่านหนองคาย เข้าทางประเทศลาว
แล้วค่อยทะลุออกเวียดนาม  ช่วงที่รถพักอยู่ประเทศลาว
โทรศัพท์หมูน้อยก็พอมีคลื่นอยู่  น้องเขาบอกว่า "รอธัญญ์หน่อยนะ 15 วันเองเดี๋ยวธัญญ์กลับมา" 
รู้สึกประทับใจที่เขาพยายามโทรหาเรา  และรับความรู้สึกเรา  ผูกพันธ์กับเรา
หลังจากเวลาที่ธัญญ์กลับบ้านผ่านไป 5 วัน ก่อนหน้านั้นเขาโทรมาสองวัน เว้นวัน 
สัญญานเตือนแห่งความผิดหวังมาแล้ว  ธัญญ์ไม่ได้โทรหา  แล้วไม่รู้ทำไมผมไม่สามารถโทรหาเขาได้เลย
ไม่ว่าจะเป็น  001 - 008  - 009  รหัสประเทศ 84  โทรไปจนจำภาษาเวียดนามที่บอกว่า
ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ได้เลย คิดว่าอาจมีปัญหาทางด้านเครือข่ายเพราะที่นั่นมีพายุ  ทำโทรศัพท์หายไหม
(แต่ที่จริงเขาปิดโทรศัพท์ที่ใช้โทรหาผมไว้เลย)
Số này không đăng ký không làm cho đủ sức
  
เวลาผ่านไปจนถึงวันที่สัญญาจะกลับมา  ผมโทรหาเขา กลายเป็นเพื่อนเขารับสายแทน และบอกว่าจะกลับมาในอีกไม่นานติดธุระอยู่
ไม่ได้เจอหมูน้อย รวมแล้ว 20 วัน  เธอกลับมาพร้อมความรู้สึกที่ทำให้ผมรู้ว่า ธัญญ์คนเดิมได้ตายจากไปแล้ว
วันๆ นั่งเหม่อลอย  คุยกันกับความเห็นที่แตกต่าง  ชวนไปไหนก็มีแต่คำว่าไม่ออกมา  เธอปฏิเสธและต่อต้านผมแล้ว
ไม่มีคำถาม  ไม่มีคำตอบ ผมไม่รู้เลยว่าเวลาที่ไม่เจอกัน  แล้วเกิดอะไรขึ้น
ที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจไปทั้งใจ  มีแต่สิ่งว่าให้เข้าใจในความไม่เข้าใจ 
Tôi bị một vấn đề về tim

สิ่งสุดท้ายที่เขาบอกไว้ "พี่ทันขอโทดษนะ ต่อไปนี้ไม่ต้องโทรหาทันแล้วนะพี่  พี่เหลือม(ลืม)ทันเสียเถอะะ
ทันขอโทษนะพี่"  ถึงแม้เราไม่รู้อะไร  แต่เราก็บอกเขาว่า "ไม่เป็นไร  พี่เข้าใจ"
Đừng lo lắng về cái đó
             
หลายครั้งแล้วที่เป็นอย่างนี้  ผมไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้มานั่งเสียใจ
ตลอดเวลาที่อยู่กับเขา  เขาก็รักษาแผลที่เกิดจากคนก่อนได้จริงๆ
เขากอดเราไว้  จากที่เคยกอดตัวเองเสมอ
แม้เขาจะไม่อยู่กับเราตลอดไป  แต่ความรู้สึกดีๆ ก็ยังอยู่ในใจ
ก็ยกโทษให้เขา แม้ไม่รู้ว่าผิดเรื่องอะไร  เขาว่า  การยกโทษให้คนอื่น  คือการยกโทษให้ตัวเอง
เราจะมารู้สึกเจ็บ  รู้สึกแค้น  กับคนที่เรารักได้อย่างไร  เก็บความรู้สึกที่ดีไว้ในใจดีกว่า
 Nó chỉ đau thỉnh thoảng thôi  tou không chọc giận người đáng yêu tiếng âu yếm
สุดท้ายผมก็เหมือนฟ้า  ในเรื่องรักสามเส้า  ที่ตายจากไป
(เราจะเดินออกจากชีวิตน้องเขา  ตามที่น้องเขาต้องการ)
แล้วให้เขาได้มีความสุข  จะได้ไม่ต้องมากังวัลกับเรา   เราก็นะให้แผ่นหนังก็เป็นลางกับตัวเองจริงๆ
ก่อนถึงวันลอยกระทง  เราถามเขาว่า  คนไทยจะมีประเพณีทำดอกบัว  ไปลอยในน้ำ
และมีการประกวดกัน  ธัญญ์จะไปลอยกับพี่ไหม  เขาตอบว่าพอถึงวันนั้นธัญญ์จะไปลอยกะพี่
แล้ววันลอยกระทงก็ใกล้เขามา  เราคงจะได้ลอยกระทงคนเดียวเสียแล้วละ
ติดอยู่ในฤดูอกหัก  ตกอยู่ในห้วงความรักที่มันเลวร้าย  ต้องอยู่ท่ามกลางสายลมด้วยความหนาวใจ  เปียกปอนไปทั้งใจด้วยหยดน้ำตา  
เขียนเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน  2551

เริ่มอย่างไรก็จบแบบเดิม

เราสร้างทุกอย่างจากสองมือ
จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทีละชิ้นๆ
จนเรียกว่าเป็น ความรัก
 
เราอยู่ด้วยกัน ผ่านวันเวลา
มีเวลาที่ผูกพันธ์  เข้าใจ
ห่างไกล และห่างเหิน
 
การเดินทาง ของกาลเวลา
มันนำพาทั้งความสุข และเศร้า
ความดีภายในใจเมื่อเพิ่มเติม
แต่ความเศร้าความผิด ก็เกาะกินใจ
 
เรื่องผิดพลาดเล็กน้อย
สำหรับเราอาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา
และแล้วเมื่อทุกอย่างพังทลาย
จะเกิดอะไรเมื่อหน้าจอว่างเปล่า
 
เมื่อกดปุ่มเปิดเริ่มมีอะไรมากมาย
ทั้งสีสัน ทั้งตัวหนังสือ ถ้อยคำ
ความสนุกสนาน ความบันเทิง
ความทรงจำ
 
จนเมื่อวันหนึ่ง หลายอย่างก็ยากที่จะเข้าใจ
เมื่อทุกอย่างไม่มีวันเริ่มต้น
แล้วก็ไม่มีวันหวนคืน
 
โธ่ คอมพ์ตูพังอีกแล้ว  คราวนี้เมนบอร์ดพังซะ
สิ้นปียิ่งใช้ตังค์เป็นเบี้ย  เดือนนี้ต้องเก็บตังค์ไว้ซื้อตัวใหม่
จะซื้อเครื่องใหม่อุปกรณ์ใหม่เมื่อไหร่  ก็จบลงแบบเดิม
ใช้ไป สามปี ห้าปีมันก็เสียก็พัง ก็เป็นธรรมดา
บอร์ดใหม่ วินโดวส์ใหม่ อิๆ
 
...งานนี้เหมือนเป็นภาคต่อของ รักดิจิตอล มั้ง
edit @ 18 Jan 2009 20:26:48 by เศษกระดาษ

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ย้อนความทรงจำ กับ DVD Colletion

หากผู้ที่รู้จักมักคุ้นกับผู้เขียนในระดับหนึ่ง จะรู้ว่าเป็นคนชอบดูหนังมาก  เลยมีหนังในดวงใจหลายๆเรื่อง  มีทั้งเรื่องที่คนปกติดูกัน จนถึงเรื่องแบบที่คนปกติไม่ดูกันก็มี ดีวีดีที่ซื้อมาคือเก็บช่วงสี่ถึงห้าปีนี้

มีช่วงหนึ่งที่เห่อโปรโมชั่นกะร้านดีวีดี โปรโมชั่นสามแถมหนึ่ง ห้าแถมหนึ่งอะไรงี้ เคยมีครั้งหนึ่งเลยที่ซื้อแผ่นทีเดียวถึงเจ็ดแผ่นด้วยความที่คิดว่าได้ซื้อ แผ่นในราคาที่ถูกลง  หารู้ไม่ว่าเงินค่าดีวีดีนั้นกินข้าวได้หลายมื้อเลยเราก็เลยต้องหันไปกินมา ม่าแทนอยู่เป็นเดือน

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะฝากไว้ก็คือหนังไทยเนี่ยช่วงที่ออกใหม่ๆ อย่าซื้อเป็นอันขาด อดใจรอให้มันผ่านไปสามเดือนก่อน (เต็มที่ให้หกเดือน) แผ่นหน้าปกวางแผงหลังจากออกโรงแล้ว 359 บาท แต่หลังจากนั้น 179 ผ่านไปหนึ่งปีเหลือ 79 บาทตามลำดับ (แบบถ้ารอได้จะไม่รู้สึกเสียใจเวลามันลดราคาหน่ะครับ)

ปกติเรื่องที่ชอบๆจะเป็นแนวเอฟเฟ็คเยอะๆ เมื่อคนเราดูหนังบ่อยๆเข้า ก็จะเบื่อหนังตลาด  แนวที่ชอบก็จะเปลี่ยนไป หันไปชอบแนวกระชากอารมณ์ เหมือน Shawshank Redemtion หนังแปลกๆ แบบ Holland Drive (หนังแนวเป็นเอก เลยเรื่องนี้) จนกระทั่งอาจจะเข้าสู่ด้านมืดหาสนัฟฟิลม์มาดูอย่างเรื่อง Flower Blood (อันนี้ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง แบบหนังแหวะกว่า Saw เยอะ)

วันนี้พอมีเวลาก็เลยมานั่งระลึกชาติ




ในกล่องประกอบด้วย— (กล่องที่หนึ่ง)
Batman บีกินส์
Godfather 3
Army of Darkness กองพันซี่โครง
300 ยืมเพื่อนมา
Heat คนระห่ำคน
ดวลเดือดือดมาเฟีย ภาคแรก
Gundam seed มีการตูนแจมเรื่องนึง
The Classic หนังเกาหลี
Art of war
Hitman
ช็อกโกแล็ต จีจ้า
จำไม่ได้
My sassy girl ยัยตัวร้ายเจี๋ยมเจี้ยม

ในกล่องประกอบด้วย— (กล่องที่สาม)
Se7en พี่เบรดพิตต์
Internal Affair สองคนสองคม ภาค 2-3
Shindo หนังเปียโน
Shainghi Knight คู่ฟัด
เรื่องนี้จำไม่ได้ กล้องโปรมันชัดเกิ้นนน
กระสือวาเลนไทน์
Amilie อามิลี่ หนังรางวัล หนังฝรั่งเศส
X men 3 มนุษย์กลายพันธ์

ในกล่องประกอบด้วย— (กล่องที่สาม)
โลกทั้งใบให้นายคนเดียว ฮ่า พี่ป้อน
VCD Sleepy Hollow คืนหัวขาด
Devil Man หนังการ์ตูนญีุ่ปุ่น
รักดิบ
Who are U
Ocean Twelve
Resident Evil ผีชีวะ ภาคแรก
Avator หนังประวัติ
Jacket
The Butterfly Effect สองเรื่องนี้เกี่ยวกับการย้อนเวลาเหมือนกัน
Skin Walker ชอบหนังมนุษย์หมาป่า
Harry potter Order of phienix
อันเหลืองๆ VCD นานะ2

ย้อนความทรงจำ 8 บิต กับ Mario



เกมในบราวเซอร์ ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของเกมบนเว็บยอดนิยม ไม่ใช่เกมใหม่อะไรเลย แต่เป็นเกมเก่าที่มีทีมพัฒนา ให้มีตัวละครที่คุณคิดถึงๆๆๆ มากันพร้อมหน้า ใครสนใจสามารถเข้าเล่นได้ที่ลิงค์ ของผู้พัฒนาด้านล่างได้เลย

Bill Rizer    บิล ไรเซอร์  เป็นตัวละครจาก Contra ที่เราคุ้นเคยกันดี

Link           ลิงค์  ตัวละครจาก Zelda

Mario        มาริโอ้ ตัวละครหลักจาก Mario Bros สำหรับเกม NES

Mega Man  เมก้าแมนบ้านเราเรียก Rockman

Ryu Hayabusa   ริว ฮายาบูสะ จากเกม Ninja Gaiden ตัวละครเกมสุดมัน

Samus Aran     ตัวละครจากเกม Metroid ที่เวลาตีลังกาจะม้วนโอเวอร์แบบกลมดิก (ดูไปคล้ายตอนตีลังกาของ คอนทร้า)

Simon Belmont  ตัวละครจากเกม แส้ หรือเกม Castlevania

SOPHIA III     ตัวละคร รถแปลงร่าง เกมนี้ไม่เคยเล่นเลย

Luigi   ตัวละครรอง หลุยส์ จาก Mario Bros

Bass   ตัวละครอีกตัวจาก ซีรีส์ Rockman

play it at http://www.explodingrabbit.com/games/super-mario-bros-crossover

เขียนถึงแม่เรา

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ตั้งแต่จำความได้  ผมเติบโตมาอยากได้อะไรผมก็ขอผู้หญิงคนนี้มาตลอด  เรียกได้ว่าเป็นลูกคนหนึ่งที่ชอบเอาแต่ใจมาก ชอบทำอะไรแผลง ๆ มีความคิดไม่เหมือนคนอื่น  ทำให้แม่ปวดขมับได้ตลอดเวลาและสม่ำเสมอแต่ก่อนผมก็เป็นลูกคนสุดท้องนะ  เพราะผมกับน้องชายคนเล็กอายุห่างกันมาก  ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าผมโดนตามใจมาตั้งแต่เด็ก  ไม่ได้อะไรก็ดื้อสุดชีวิตดีนะที่ไม่โดนจับขี้เถ้ายัดปากยังโตมาได้จนทุก ววันนี้ 
เรื่องความดื้อความซนของผมมีมาตั้งแต่จำความได้  เกเรก็เท่านั้น  ในช่วงที่เป็นเด็กเด็กคนอื่น ๆ อาจพากันเล่นเกมส์ ดูทีวี  ดูการ์ตูนอยู่ที่บ้าน  แต่ผมชอบตามพี่ที่อยู่ข้างบ้านออกไปเล่นไพ่  ชักชวนกันโขมยผลไม้ตามสวน ดีนะที่ผมไม่ติดการพนันจนเป็นนิสัยถ้ายังติดเล่นไพ่จนโตละก็ทุกวันนี้อาจ เป็นผีพนันทำที่บ้านวอดวายก็อาจเป็นได้  อาจจะเห็นว่าเป็นการซุกซนแบบเด็ก ๆ แต่ตอนเด็ก ๆ ผมนำความเดือนร้อนมาให้พ่อกับแม่เสมอเลย  ขอบคุณนะครับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูผมมาไม่ว่าผมจะเป็นอย่างไร


ขอบคุณที่อดทนกับผม  จนทุกวันนี้ผมก็พึ่งเข้าใจและพยายามทำตัวดีขึ้นไม่ติดเอานิสัยช่วงเป็นเด็กออกมาเดินหน้าสู่โลกของผู้ใหญ่ที่ดี


ทุกทีที่ผมทำความผิดกลับมา  คาดว่าเลยว่าแม่รู้นี่โดนด่ายับแน่ ๆ แต่แม่จะพูดกับผมเพียงประโยคสองประโยค  ทั้งที่ความจริงก็อยากให้แม่ด่าให้สมกับที่ทำเรื่องร้าย ๆ มา อยากถูกลงโทษว่ากล่าวตักเตือนหนัก ๆ เหมือนครอบครัวอื่น แต่แม่จะพูดน้อยมาก  อย่างครั้งหนึ่งแม่ก็บอกกับผมเพียงว่า"ไม่เคยสอนลูกให้เป็นอย่างนี้  ไม่เคยสอนลูกให้ทำแบบนี้"


แล้วก็ปล่อยผมไว้กับความเงียบ  รู้มาตลอดว่าแม่ชอบเครียดกับผมมาก  เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้แม่ได้สมหวังเหมือนอย่างพี่ชายคนโต  แต่การไม่ด่าโวยวายมากมายก็เป็นสิ่งที่ดี  นั่นทำให้ผมกลับมาคิดและทบทวนแก้ไข  จะทำอะไรคิดให้มาก ๆ ก่อนทำ  ทำแล้วแม่เสียใจมันก็ไม่ควร


12 สิงหาคม  พอวันแม่ทีไร  วันหยุดนี้จะไปเที่ยวกับแม่ตลอดถ้าผมอยู่บ้าน  ครอบครัวเราที่บ้านไม่ค่อยพูดคุยกัน  พ่อกับแม่ทำงานหนักมากช่วงที่ผมเรียนประถมจนมัธยมต้น  พ่อกับแม่จะไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่กับบ้านเลย  ไม่รู้สินะช่วงเวลาที่ขาดหาย  ทำให้ความสัมพันธ์มันดูห่าง ๆ ออกไปแต่ผมก็รู้ว่าครอบครัวเรารักกันดี  แม้ไม่ต้องเอ่ยออกมา 


ครั้งหนึ่งนะทำที่ผมจำได้ในงานวันแม่ของโรงเรียนเขาจัดงาน ให้นักเรียนนำแม่มาไหว้และทำกิจกรรมวันแม่  ตอนนั้นก็มีผมคนหนึ่งที่โดนหางเลขกะเขาแล้วก็ต้องกราบมอบดอกมะลิให้แม่ในวัน งาน  ตามความคิดทีแรกผมคิดว่าก็คงไม่มีอะไรมากมายนักหรอก ไหว้ ๆ เสร็จแล้วก็เลิกกลับบ้าน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ การกราบเท้าแม่โดยใช้ดอกมะลิ (ตอนนั้นผมหาดอกมะลิไม่ได้
ด้วยสิเอาดอกพุทซ้อนไปไหว้แม่แทนเฉยเลย) ก้มกราบลงไปผมก็ขนลุกซู่น้ำตาก็ไหลออกมาเอง  แม่ผมก็ตัวสั่นน้ำตาคลอเบ้า  นั่นเป็นครั้งแรกด้วยมั้งที่ผมกราบเท้าแม่  จนเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากกราบเท้าท่านทุกปี ๆ เป็นสิ่งแสดงความรักอย่างเดียวที่ผมทำได้


พอเข้าเรียนสายอาชีวะ ถึงวันแม่เวียนมาอีกปี ตอนนั้นมีความคิดอยากหาของขวัญให้แม่สักชิ้น  ผมคิดไปว่าจะวาดรูปดรออิ้งให้แม่ วาดภาพเหมือนไว้ให้แม่เอาไปแขวนไว้ที่บ้าน  จะได้คิดถึงลูกชายคนที่วาดให้บ่อย ๆ อุปกรณ์ดินสอ  กระดาษร้อยปอนด์ผมก็เตรียมมาหมด  แต่ตอนที่วาด  ผมเอารูปแม่มาวางไว้เป็นแบบแล้วค่อย ๆ วาดตาม  วาดไปแล้วคิดถึงแม่  ความรู้สึกว่ามันนานแล้วที่เราไม่ได้ตั้งใจมองหน้าแม่นาน ๆ เคยคิดแต่ว่าก็เคยเห็นมาแต่เล็กแล้วนี่  เห็นจนชินแล้ว  ดูดี ๆ จึงรู้ว่าปีนี้แม่แก่ลงมาก  มันเป็นสิ่งที่เราปล่อยปะละเลยเราห่างเหินท่านไป  ทั้งที่เป็นคนที่อยู่ร่วมกับเรา  ตั้งแต่เล็กจนใหญ่กลับไม่สนใจเอาใจใส่ดูแล  มองผ่านความรักที่แม่มีให้ลูก ผมเลยคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่าง  ความหลังทั้งตอนเป็นเด็กเล็ก ๆ จนเป็นเด็กที่โตแต่ตัวในวันนี้  น้ำตาผมมันก็ไหลออกมาเอง  แค่วาดไปได้แค่โครงหน้า  ผมรู้ว่าตัวเองวาดไม่ไหว  พอจะเริ่มวาดในวันใหม่น้ำตามันก็ไหล  ออกมาและได้แต่นั่งร้องไห้แทนที่จะเขียนรูปลงไป...


จะว่าเคยกอดแม่มั้ย  ตอนเด็ก ๆ ผมก็คงจะเคยกอด  แม่แต่พอโตมาเรื่องการโอบกอดบอกแม่ว่า "แม่ครับ ผมรักแม่นะ" กลับเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมันไม่ชินนะ  คิดว่าจะทำก็ไม่ไหวมันเขินมันอาย  แม่แต่พูดทางโทรศัพท์  เวลาที่แม่โทรมาหาผม  บางทีก็มีความคิดแว๊บมาว่าบอกรักแม่มั่งดีมั้ยนา  แม่ก็วางโทรศัพท์ไป  ไม่รู้อะไรเหมือนกันคุยโทรศัพท์กับแม่เนี่ยคุยได้ไม่ถึง 5 นาที  ชนิดคุยเอาแต่สาระสำคัญ  ไม่มีการคุยเล่นคุยเสร็จวาง  ตอนอยู่บ้านด้วยกันเวลาคุยกันก็จะคุยแต่เรื่องตลกกัน  ไม่มีใครหยิบยกเรื่องซีเรียสมาบอกกล่าว  ผมรู้แม่ก็มีปัญหาเหมือนกันมีเรื่องหนักใจมากเหมือนกัน  มีอะไรก็คุยกับลูกชายคนนี้บ้างก็ได้นะแม่  ผมเป็นคนในครอบครัวมีปัญหาอะไรก็อยากรู้ปัญหาในครอบครัวบ้าง 


และสุดท้ายนี้ละนะถึงผมจะไม่ได้บอกรักแม่จนเอ่ยออกมาเป็นคำ พูดได้  แต่ความรู้สึก  และความผูกพันธ์ก็ยังคงอยู่สม่ำเสมอ  จะรักแม่ให้มาก ๆ  เพราะรู้ว่าแม่ก็รักและหวังดีกับผมมากเช่นกัน  เรารู้กันดีแล้วความอบอุ่นก็จะเป็นเช่นนี้เรื่อยไป


พระคุณแม่กว้างสุดดินเหนือกว่าฟ้า 
รักมารดาเสียยิ่งกว่าดวงตาข้าเป็นไหน ไหน
นานเท่าไรใครทนเลี้ยงคนจนเติบวัย
กราบเท้าแม่ด้วยรักไซร้ใจผูกพันธ์


ลูกชายคนกลาง


รวมงานเขียนเก่าๆ 15 สิงหาคม  2548

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โตมากับยาย

ตอนเด็กๆ ประมาณผมเจ็ดขวบจะเห็นยายตื่นแต่เช้าประมาณตีสามตีสี่ออกไปซื้อของที่ตลาด ผมก็จะตามไปช่วงเช้าๆ ประมาณหกโมงเช้า  ไปขอตังค์ยายซื้อขนมข้าวเกรียบที่เป็นแผ่นกลมๆ สมัยนั้นซื้อบาทสองบาทได้ตั้งหลายแผ่น  ทุกวันนี้แผ่นละห้าบาทไปแล้ว  นับวันก็ยิ่งขอเพิ่ม  จะซื้อขนมสายไหม  ซื้อรวมมิตรอีก  ยายก็ไม่เคยขัด แต่ผมจะไปขอแม่น่ะขอได้ยาก  แม่ไม่อยากให้ซื้อขนม  แต่ไปขอยายก็ได้ทุกทีไม่มีบ่น

พอโตมาอีกหน่อยประมาณสิบขวบ ก็ยังแบมือขอตังค์อยู่ จากชอบขนมข้าวเกรียบก็มาชอบกินเต้าฮวย ผมไม่ใช่ลูกคนจีนนะแต่ชอบกินเต้าฮวยไม่รู้ทำไม  เต้าฮวยเป็นยาเนอะ  เช้าๆ แม่จะใช้มาซื้อน้ำเต้าฮู้ ปาท่องโก๋ กะเต้าฮวย  ได้ตังค์จากแม่แล้วก้อแวะไปขอยายอีกเป็นได้ตังค์สองต่อ  นี่หัวเสอีก  ไว้ซื้อขนมได้เพิ่มขึ้น

พี่น้องผมทั้งสามคนยายเป็นคนเลี้ยงมา กับมือทั้งหมด  แม่ไม่ค่อยมีเวลาแล้วต้องทำงานตลอด  เคยฟังยายเล่าให้ฟังเรื่องสมัยตอนแรกเกิด  ที่ผมต้องมาให้ยายเลี้ยงเพราะช่วงนั้นแม่เป็นอาจารย์ฝึกสอน  หยุดเลี้ยงลูกไม่ได้ไม่งั้นจะไม่ได้บรรจุ  ผมเป็นเด็กเกิดหน้าร้อน  ยายบอกแกเลี้ยงยาก  ขี้แยร้องไห้จ้าได้ทั้งวัน  เอ...รึว่าจะเป็นโคลิค  จะโยเยขอกินนมแม่ตลอด  นมขวดไม่ชอบกิน  วันนั้นทำไงก็ไม่หยุดร้องไห้สักทียายเลยตัดสินใจเอานมเหี่ยวให้กิน ก็แปลก เด็กหยุดร้อง ก็กินนมเหี่ยวไม่มีน้ำนมไป  ใครๆถามผม ผมไม่ได้โตด้วยนมวัว  ไม่ได้โตด้วยนมแม่นะ แต่ผมโตมาด้วยนมยาย ^^

ปกติยายจะไม่ค่อยจ้ำจี้จ้ำไชกับผม เท่าไหร่หรอก  ถึงแกจะชอบบ่นแต่ก็บ่นไปเรื่องไม่เป็นเรื่อง  คำสอนหนึ่งที่ยายบอกกับผมตอนที่ใช้ฝ้ายขาวผูกแขนให้ทุกครั้งที่จะเดินทางไกล ไปไหนมาไหน ยายจะว่า "ขอให้เอ็งเดินทางไปมาปลอดภัย ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำ อย่าเป็นคนขี้เกียจ  ทำอะไรก็ขอให้สำเร็จ และเกมส์อย่าเล่นหลาย" ผมก็รับคำมา "สาธุ" แต่ทำให้เหมือนที่ยายอยากให้เห็นไว้ไม่ถึงครึ่งหรอก

ก่อนหน้าความทรงจำจะหมดลง  ช่วงวันเข้าพรรษา  แม่โทรมาชวนว่าไม่กลับบ้านมั่งเหรอ ยายป่วยนะตอนนี้เข้าโรงพยาบาลที่อุบล  ผมก็บอกไปให้ยายหายป่วยเร็วๆ แล้วกัน นึกไปเองว่าไม่เป็นไรหรอกยายก็แก่แล้ว  ป่วยแป๊บๆ เดี๋ยวแกก็ออกมาสั่งสอนลูกหลานเหมือนเดิม  ไว้กลับบ้านคราวหน้าก็เจอยาย  เมื่อไหร่จะกลับก็ได้ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไรเสมอ  ไม่เคยมีอะไรที่จะต้องเป็นไรเลย ผลัดไปก่อนได้อยู่แล้ว

จากนั้นบ่ายวันที่ 24 แม่โทรมาบอก ยายเสียแล้ว ผมได้ยินแล้วแต่ผมพูดซ้ำๆ ว่าหาอะไรนะ เป็นยังไง  เป็นไปได้ยังไง แม่ก็บอกให้รีบกลับบ้านมาทำบุญงานศพให้ยาย  ทำให้ยายครั้งสุดท้าย  รายละเอียดเท่าที่ถามมา  ยายป่วยหนักเข้าออกโรงพยาบาลมาสองสามอาทิตย์แล้ว  ก็คงตั้งแต่ที่แม่โทรมาบอก  สักสองสามวันก่อนหน้าเหมือนอาการจะทุเลาลง  เลยพามารักษาตัวนอนห้องพิเศษที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน  แต่แล้วก็ป่วยหนักขึ้นจนยายอยู่ไม่ไหว  เสร็จแล้วเราก็ต้องกลับไปบ้านยายเย็นวันนั้น

พอบอกกับเพื่อนว่ายายเสีย มันบอกเสียทำไมไม่เอาไปซ่อม แกอายุเท่าไหร่ละ ก็ประมาณเจ็ดสิบกว่าๆ คำต่อมาบอกว่าน่า...แก่แล้วสมควรตายได้แล้ว เลยบอกมันอย่างสุภาพว่า แล้วแม่ง ปากหมาอย่างเมิง ถ้าจะให้ตายวันนี้ก็สมควรแล้วใช่เปล่าครับ  จนผมมาลองคิดดูชักจะสงสัยแล้วว่าผมมีเพื่อนยังไงอยู่ใกล้ตัวกันแน่

 

กลับมาถึงบ้านยาย  พบเห็นแต่ร่างเปล่าขาวซีด  เนื้อกายเย็นเยือก นอนว่างเปล่า ไร้วิญญาณความรู้สึกบอกว่า  ต่อไปนี้ไม่มีแล้วนะ  ไม่มียายแล้ว  ยายไปแล้ว  ยายเสียแล้ว  ยายไม่อยู่เป็นกำลังใจให้ผมก่อนเหรอยาย  ช่วงชีวิตที่ยายเห็นผมผมยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน  ไม่ได้ทำสักอย่างให้สำเร็จให้ยายชื่นใจเลย  ยายจ๋าไม่รอดูหลานสะไภ้ยายก่อนเหรอเธอต้องน่ารักน่าเอ็นดูมากเลยนะถึงแม้ตอน นี้จะยังไม่มีก็ตาม  ผมเคยกะว่าหลังจากที่ตัวเองตั้งตัวได้ จะพากันไปทุกคนในครอบครัว  ไปเที่ยวดูที่ที่ผมประทับใจ  แต่วันนี้ต้องขาดยายไปแล้ว  ยายจะมาหายไปได้ยังไง 

แม้จะกอดยายเหมือนที่น้าหมีทำเวลาผม กะเคยนึกเล่นๆว่า ถ้าเมาๆ หนักๆมาเคลิ้มๆ จะแกล้งออเซาะไปกอดยายเหมือนที่น้าทำดูอบอุ่นดีออก  ยังมีอีกหลายอย่างนะ ไม่รู้จะคิดว่ายังไงแล้ว  จะบอกตัดพ้อไม่มีประโยชน์แล้วไม่ได้อะไรแล้ว  แต่ก่อนนั้นมีโอกาสทำไมไม่ทำ  ถึงแม้งานศพผมจะพยายามทำทุกอย่างที่ตัวเองทำได้ มีอะไรจะทำให้ดีที่สุดเพื่อ ยายครั้งสุดท้าย แต่ก็สวนทางกับคำว่ามาทำอะไรเอาป่านนี้ ไอ้คำว่าเอาไว้ก่อน  ไว้วันหลัง เมื่อไหร่ก็ได้ ผมต้องลบมันออกจากตัวเองแล้วละ เพราะสุดท้ายคนเราย้อนเวลาไปทำในสิ่งที่อยากทำไม่ได้  เมื่อมันทำไม่ได้แล้ว

ยาย บุญเรือน  ไชยภูมิ  จากไปด้วยโรคมะเร็งในถุงน้ำดี อายุ 76 ปี มีบุตรธิดารวม 8 คน ไหนแกจะเลี้ยงลูกหลายคน พอแกแก่มาก็ต้องเลี้ยงหลานอีกนับไม่ถูก  อยากรู้เหมือนกันยายทนเลี้ยงมาได้ยังไง  แม่เหนือแม่ที่ผมยกให้เป็นตัวอย่างที่หนึ่งเสมอคือยาย

ในงานศพเขากล่าวเหมือนกันคล้ายๆ กับทุกงาน แต่ตอนที่น้าออกมาอ่านกลอนถึงยายเนื้อหากลอนซึ้งมากแต่ผมจำไม่ได้ เลย น้าเองอ่านไปก็ร้องไห้ไปในกลอนบทสุดท้ายจนจับความไม่ได้นอกจากเสียง สะอื้น ผมก็ได้แต่นั่งร้องไห้  อย่างที่ไม่เคยร้องให้ใครมาก่อน และไม่เคยคิดที่จะอายแม่จะร้องไห้ต่อหน้าผู้คนมากมายในงาน หรือที่จริงผมมีแต่น้ำตาเท่านั้นที่จะส่งถึงยายได้

คำว่าคนที่จากไปแล้วจะไปสวรรค์ ไปที่ชอบที่ชอบ  แต่ก่อนผมก็เข้าใจหรอกนะ  ว่าบอกว่าไปสวรรค์เพื่อให้คนที่อยู่สบายใจ  แต่ผมซึ้งและเข้าใจดีก็ครั้งนี้ที่รับถึงความรู้สึกแท้จริงของคำนี้

ใช่แล้ว ยายไปสวรรค์แล้ว

หลานชายคนกลาง ของลูกสาวคนแรก

เด็กน้อยพริ้มตาหลับลง
หัวใจปลดปลงความถูก–ผิด
หายใจแผ่วเบาเฝ้าครุ่นคิด
กระทั่งหลับสนิทกับอกยาย


"ชีวิตไม่มีอายุ
หาใช่ความหมายอื่น
มิใช่อัตตายั่งยืน
แต่จักสดชื่นชุ่มเย็น-"


"-อย่าได้กำหนดสิ่งใด
เพียงใช้เหตุสายตาเห็น
เพียงเพราะคาดว่าน่าจะเป็น
โลกมีข้อ "ยกเว้น" เสมอกาล..."


ดอกแก้วโชยกลิ่นหอมกรุ่น
อ่อนโยนละมุนแผ่วผ่าน
เคล้ากลิ่นพิกุลกลางลาน
รอราตรีกาลเยี่ยมเยือน...


กลอนจากเว็บ http://www.khonnaruk.com

รวมเรื่องเก่าๆ วันที่ 29 กรกฏาคม 2549 --- เขียนเนื่องจากวันแม่ปี 49

ก้าวเท้าวิ่ง

ออกวิ่งไปบนถนนที่ยาวไกล

รู้สึกตัวเองอยากยืดเส้นยืดสาย เตรียมตัวหาร้องเท้าผ้าใบคู่เก่า กางเกงกีฬา แล้วเสื้อยืดธรรมดาใส่ไปสักตัว อากาศตอนเช้า ล้างหน้าล้างตาเสร็จ แดดไม่แรง ลมแห่งรุ่งอรุณ ถึงรู้ว่าวิ่งไปแล้วเหนื่อย แต่การออกกำลังกายก็ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น สาวเท้า ก้าวขา วิ่งไป ทิวทัศน์ต้นไม้รอบข้าง วิ่งไปไม่ต้องสนใจใครหรอก ควบคุมลมหายใจ ค่อย ๆ วิ่งไปช้า ๆ ไม่ต้องเร่งร้อน

 

การวิ่งบนทางที่ไม่คุ้นเคย มองไม่เห็นทางข้างหน้า เหมือนก้าวไปในอนาคตข้างหน้าที่ไม่รู้จัก

อาจมีบางทีที่วิ่งแล้วเหนื่อยล้า ถ้ายังไม่หยุดวิ่ง อาจจะพักหนอ่ยก็จะมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามตามข้างทางได้

บนทางที่หักเลี้ยว มุมมองต่อไปถูกบดบังด้วยทิวป่า ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าเลี้ยวไปจะเจออะไร

แต่ลองวิ่งไปก่อน วิ่งไปดู ถ้ามันเป็นทางที่ไม่ใช่ ถ้ามันเป็นทางตันค่อยวิ่งกลับมา แล้ววิ่งไปทิศทางใหม่

ถนนบางสายวิ่งไปแล้วอาจรู้สึกว่าไปผิดทางแต่ก็พาเราไปถึงจุดหมายได้ เมื่อถึงที่สุด

บางคนอาจจะวิ่งไปนาน แบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย คนที่วิ่งมานานบางทีจะไม่รู้สึก มีใครวิ่งตามคุณมารึเปล่า เขาต้องการอะไรจากคุณ ต้องการจะวิ่งไปพร้อม ๆ กัน รึต้องการจะวิ่งแซง

หรือเพียงแค่ได้คอยวิ่งมองดูแผ่นหลังของคุณไปเรื่อย ๆ เท่านั้น



บนถนนที่คนขวักไขว่ จะมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ผู้คนต่างเหลียวมอง

ใช่แล้วคนที่กำลังวิ่ง ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินอย่างช้า ๆ

จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หลากหลายความเห็น ทั้งที่จะกล่าวชมคุณเมื่อผ่านไปว่า

ขยันจังมาวิ่งออกกำลังกาย นักกีฬาแน่ ๆ และบ้ารึเปล่าร้อน ก็ร้อนวิ่งไปทำไมให้เหนื่อย แสดงพาวเวอร์ละสิ

หรือบางคนอาจแค่ชายตามองแล้วก้อไม่สนใจ เพราะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะเห็นคนวิ่ง บนทางที่มีไว้ไม่แค่ก้าวเดินเพียงอย่างเดียว

จะมีสักคนมั้ยนะ ที่จะวิ่งตามกันไปได้ตลอด คนที่คอยวิ่งนำทาง คอยพูดคุยซักถามไม่ให้เหงา

คนที่จะวิ่งไปทิศทางเดียวกัน เหมือนคนรู้ใจ และเป็นคนที่พอใจจะให้วิ่งไปด้วยกัน

วิ่งไปไกล แล้วรู้สึกอย่างไร อยากจะวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ เอาละ ถึงปลายทางแล้วก้อพอพักดีกว่า หรือลองวิ่งกลับไปลองเลี้ยวไปทางแยกอื่นที่ยังไมได้ไป

เคยคิดที่จะลองกลับไปหาสิ่งเดิม ๆ ที่รออยู่ที่ต้นทางรึเปล่า ที่ที่เริ่มต้นวิ่งมีคนที่รอคุณอยู่ มีหลายอย่างที่ยังไม่สานต่อ ความสุขแบบที่คุณต้องการ หรือว่างเปล่าไม่อยากกลับไป ตรงเส้นชัยมีทุกอย่างที่พอใจก็พอแล้ว

วิ่งมาจนตอนนี้ คิดว่าคุณเหนื่อยมั้ย อยากพักบ้างไหม

แม้ปลายทางแล้วคุณจะไม่เจอเส้นชัย หรือวิ่งไปแล้วไม่ได้ดังใจ เป็นทางที่ไม่คาดฝัน

ภูมิใจเถอะที่อย่างน้อย คุณก็วิ่งมา อาจจะเหนื่อยล้าแต่ก็ทำให้เราแกร่งขึ้น

เห็นมั้ยว่า เราวิ่งมาไกลกว่าคนที่กำลังเดินเท่าไร...


เรื่องนี้เขียนเมือวันที่ 10 กันยายน 2548  เขียนในนาม เศษกระดาษ

ลาง จะ หลอน

เริ่มเรื่องเลยละกัน...เรื่องต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและประสบการณ์จริง

คุณเคยมีประสบการณ์ประหลาดๆ บ้างไหม สิ่งหนึ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้  แต่มีการกล่าวถึงบ่อยๆ  ความเป็นจริงเกี่ยวกับสิ่งนี้คืออะไรหรือโลกเรามีสองมิติคือ มิติที่เราอยู่กับมิติของคนที่ตายไปแล้ววิญญาณ  เราเองก็ไม่เคยพบพานกับสิ่งเร้นลับนี้อย่างจะจะจังๆ แบบในหนังที่เห็นหน้ามาแล้วตากลวงโบ๋มาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่ง....
ช่วงนี้มีวันหยุดเวลาว่างๆ ยาวๆ เราเลยย้ายสังขารตัวเอง มาประจำการอยู่ที่หอพักของพี่ชาย  เป็นหอพักเก่าๆ แถวไกลจากตัวเมืองออกมาหน่อย  หอพักนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันใกล้เคียงเข้ามาเช่าอยู่  เพื่อร่ำเรียน  เพื่อล่องลอย หรืออาจจะเพื่อร่วมรัก กันแม้ในวัยอย่างนี้
ตัวเราเองก็แบกกระเป๋าเดินทางมากะไว้เลยว่า คงจะต้องอยู่ที่นี่หลายวันจนกว่าอะไรๆ  มันจะลงตัว  หรือตัวเองแค่ถ่วงเวลาให้เวลามันผ่านไปช้าๆและใช้ความว่างเปล่าอยู่กับมัน เสียมากกว่า...  โดยบริเวณรอบๆหอพักธรรมดาไม่มีอะไรให้น่ากังวล  ห้องข้างๆ ก็มีคนอยู่ถัดไปก็มีคนอยู่  ไม่ต้องกลัวความเงียบเหงา  เหล่าเพื่อนร่วมห้องจะสร้างความบันเทิงสารพัดเสียงสารพัดรูปแบบให้เราได้ เพลิดเพลินอย่างมิได้ตั้งใจ เป็นหอพักที่ดูครึกครื้นอยู่แล้ว  อาจจะไม่ดูเงียบสงัดวังเวงเหมือนบรรยากาศในหนังผีเดี๋ยวมันจะได้อารมณ์มาก เกินไป
วันแรกผ่านไปไม่มีอะไร  เราก็ยังคงนั่งจ้องหน้าจอมอนิเตอร์นั่งเคาะแป้นคีย์บอร์ดยิกๆ สลับกับจับเมาส์เลื่อนไปเลื่อนมา ประสาคนใช้ชีวิตติดกับคอมพิวเตอร์  เล่นเกมส์ท่องอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยเปื่อย  พี่ชายเราเขาก็ไม่อยู่บอกจะไปเที่ยวทะเลกับคณะที่บริษัทจัดให้เป็นโบนัส เพื่อผ่อนคลายลูกน้องมั้ง  ก็เลยกลายเป็นว่ามานอนเฝ้าห้องให้มันหรอกเหรอเนี่ย  แต่ที่ห้องพี่ผมเนี่ยถ้าไม่เล่นคอมพ์ก็มีอะไรให้ทำ  อย่างดูทีวีหอนี้ก็ต่อเคเบิ้ลไว้ (ขอบอกเคเบิ้ลของคนที่นี่มีหนังใหม่พวกวีซีดีออกใหม่ทั้งนั้น  ซึ่งก็ไม่แปลกเลยว่าถ้าร้านให้เช่าวีซีดีแถวนี้จะขายไม่ออกและขาดลูกค้า) หนังสือนิยายเอย  การ์ตูนเอยก็มีให้อ่าน  ไม่ต้องกังวลว่าจะว่างเปล่า เพียงแต่มันไร้สาระเท่านั้นเอง
วันที่สองก็เหมือนเดิม แปลกเหมือนกันที่พบ ว่าชีวิตของตัวเราเองใช้ชีวิตแบบซีดีสะดุดแผ่น  ผ่านเหตุการณ์นี้ไปซีดีสะดุดก็กลับมาฉายเรื่องแบบเดิมๆ ซ้ำๆ เพียงแต่เปลี่ยนช่วงเวลาเท่านั้นเอง ก็คือไม่มีอะไรยังเฮฮาตามประสาคนเพลิด เพลินกับเวลาว่างๆ  ความสุขของคนบางคนก็เพียงแค่ใช้ชีวิตปกติของตนเองให้มันหนัก ให้มันเหนื่อยแล้วพอมีโอกาสก็พักซะให้พอ  แล้วก็จะรู้ว่าความสุขความสบายใจก็คือแค่หยุดพัก หยุดคิด  แต่สบายก็ไม่ได้แปลว่ามีความสุขเสมอไปละเนอะ


จวบจนวันที่สาม  เข้าเรื่องเหมือนละครผีรอบดึกๆ ที่ว่าวันสองวันแรกจะไม่มีอะไร ก็ตอนช่วงเช้ามันก็แน่ละไม่มีอะไร  ที่ว่าวิญญาณจะไม่ค่อยชอบแสงแดดและไม่ชอบมาตอนกลางวันนี่อาจจะจริง  แต่ในความคิดเราก็คือตอนกลางวันมันแบ่งแยกความมืดมิดออกจากแสงสว่างได้ ชัดเจนมากยิ่งกว่า  คนเราเลยมักจะไม่เจอดีตอนกลางวัน


ก็พอเทียงคืนตีหนึ่งนี่แหละ

ไอ้เราก็เปิดทีวีไว้ช่อง แซนนอลวี  ให้มีเสียงเพลงเสียงคนแทรกมาให้พอได้ยินเบาๆ  แล้วตัวเองก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเน็ตต่อไปไม่ได้สนใจดูทีวีหรอก (บ้านมันมีโรงไฟฟ้าอย่าไปสนใจเลย) ดึกๆ สงัดอย่างนี้ได้ยินเสียงคนเคาะประตู

"ก็อก ๆ ๆ ๆ"

เอ๊ะ ใครมันมาเคาะประตูห้องดึก ๆ ดื่นๆ ก็เลยร้องทักออกไป

"มีอะไรรึเปล่าครับ"

ได้รับแต่ความเงียบงันกลับมา  เดินออกไปเปิดประตูดูไม่มีอะไร ตามสูตร  แต่ผมก็ไม่มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้นหรอก  คิดไปว่าก็อาจมีคนเคาะห้องผิดแล้ว  นึกได้ว่าไม่ใช่ห้องนี้แล้วเดินไปเข้าห้องอื่น


วันต่อมาวันนี้พี่ชายผมก็กลับมาจากไปเที่ยวทะเลภาคใต้แล้ว ผมก็เล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ให้ฟังเล่นๆ บอกว่า

"พี่เมื่อคืนนี้มีใครก็ไม่รู้มาเคาะห้อง นัดเพื่อนไว้รึเปล่า รึอาจเป็นเพื่อนห้องอื่นมาเคาะห้อง"

พี่ผมก็ตอบว่า "เฮ้ย ก็ไม่ได้นัดใครไว้นี่ พี่มาอยู่หอนี้ก็ไม่รู้จักคนห้องอื่นเลยนะ" พี่ชายผมจะทำงานตั้งแต่เช้าจนสองทุ่มสี่ทุ่มเป็นประจำก็เลยไม่ค่อยมีเวลา มาสร้างมนุษย์สัมพันธ์กับคนในหอหรือระแวกห้องเท่าไรนัก

ผมพูดต่อ "อืม งั้นคงเป็นคนอื่นเคาะห้องผิดนั่นแหละ" ปลอบใจตัวเองไปวันๆ


จนเวลาผ่านไปพอดีแป๊ะกับช่วงเวลาเดิมคือ เที่ยงคืนตีหนึ่ง

"ก็อกๆ ๆ ๆ" มาอีกแล้วเสียงเคาะประตู ที่บอกเตือนว่าคนในห้องควรจะมาเปิดประตูให้

ตะโกนถามไปก็เงียบเหมือนเดิม  แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ เสียงคนวิ่งตึกตักๆ

พี่กับผมมองหน้ากัน พี่เดินไปเปิดดูข้างนอก ก็เหมือนเดิมนอกชานหน้าห้องว่างเปล่า

ที่ไม่เห็นอะไรเป็นเพราะไม่มีอะไร หรือบางสิ่งบางอย่างอาจเดินเข้าห้องเราโดยเราไม่รู้ตัวแล้วเราเปิดประตูรับมันเข้ามาก็ได้นะ


เสียงตุ๊กแกก็ร้องขึ้นมาสลับความเงียบ ....

ตอนนี้ความรู้สึกเรื่องสิ่งเร้นลับเริ่มเข้ามาในจิตใจเป็นครึ่งต่อครึ่ง

ตอนนั้นผมก็เล่น MSN แช็ตกับเพื่อน ลองคุยกับมันไป

ผม "เฮ้ย เมื่อกี้มีเสียงเคาะประตู เปิดออกไปดูไม่มีอะไรเลยละ"

มันตอบ "อืม ต้องเป็นผีแน่เลย ชอบมาทักทายอย่างนี้"

อ้าวเวง อ้ายหัวขวดคนยิ่ง หวั่นๆ ดึกๆ ถึงจะเป็นผู้ชายยังไงถ้าเจอหลอกหลอนแบบในหนังก็กลัวเหมือนกันนะวุ้ย เราไม่ได้มีวิชาหมอผีติดตัวมานี่หว่า ตอบกวนบาทาเช่นนั้นผมเลยคุยต่อ

ผม "เปิดออกไปดู ไม่มีอะไร แล้วก่อนนั้นก็ได้ยินเสียงคนเดินนะ ผีมันก็เดินไม่มีเสียงดิ"

มันตอบ "อ้าวห่า บางทีก็เดินมีเสียงเหมือนกันแหละ แต่มันไม่เห็นตัว ผีหลอกแล้วเมิง"

เอออ้ายสาดนอกจากจะไม่ให้กำลังใจว่าไม่ต้องกลัวหรือปลอบใจแล้ว ดันมาพูดแนวว่าเมิงเจอผีแล้วเจอแน่ๆ อีก

ผม "แต่ กุว่าผีเหมือนตัวที่ยืนอยู่หลังเมิงนั่นใช่ปะ"

มันตอบ "อะไร ไม่มี"

ผม"งั้น ก็อีกตัวที่อยู่ใต้โต๊ะคอมน่ะ"

มันตอบ "เฮ้ย ไม่มี"

  
 

พอพูดถึงประมาณนี้ความกลัวจะถูกส่งไปหาอีกคน  เจอมุกนี้คนที่อยู่ฝั่งนั้นจะหวั่นๆ หันรีหันขวาง กระวนกระวายไปแทน

 
แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงลอดผ่านหน้าต่างมา

"@#%%**!!xx)@&&" เสียงผู้หญิงฟังไม่ได้ศัพท์ลอดเข้ามา

ผมหันไปถามพี่ชาย

พี่ชายตอบว่า "เมื่อกี้เห็นเงาคนอยู่หลังม่านหน้าต่าง"


เอาละสิคืนนี้ชักทะแม่งๆ นอนหลับไปด้วยใจสั่นๆ นอนหลับหายใจก็ไม่ทั่วท้องได้กลิ่นสาบศพเหมือนกลิ่นหนูตายลอยเข้ามาปะ จมูก ทำไมบรรยากาศมันเข้าทำนอกผีหลอกวิญญาณหลอนอย่างนี้หนอ  ตาจ้องมองผ่านไปที่หน้าต่างเผื่อจะได้เจอร่างคนอยู่หลังม่านรึไงหว่า  คนเรางี้แหละยิ่งกลัวยิ่งมองหา  แต่แน่ใจอยู่อย่างสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตอะไรก็ตามที่ส่งเสียงมาให้ได้ ยินเมื่อไม่นานนี้ต้องเป็นเสียงผู้หญิงแน่นอน


เช้าวันรุ่งขึ้นกว่าจะตื่นก็ปาไปเกือบ เที่ยง  ยังทำกิจกรรมอะไรเดิมๆ ซ้ำซากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ตกเย็นได้มีโอกาสไปถามยามหอพัก  ซึ่งขณะนั้นก็กำลังก้งอะไรได้ที่  ชวนคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย  แล้ววนมาเข้าประเด็น


ผม "ลุงๆ อยู่หอนี้  เคยมีผีหลอกมั่งป่าว"

ลุง "เออ.. ที่ไหนก็มีผีเหมือนกันหมดละวะ ที่นี่ก็มีผีบ้านผีเรือนไง คนดีผีคุ้มวะ"

ผม "ยังไงกันหว่า ลุง"

ลุง "ผีก็อยู่ส่วนผี คนก็อยู่ส่วนคน อย่าเผลอไปเจอก็เป็นดี"

ผม "แล้วเคยมีคนตาย ที่หอนี้มั่งป่าว" คราวนี้ยิงไปอีกคำถาม

ลุง ทำเออ ออ ไม่ค่อยอยากตอบ แต่ด้วยสุราพาชวนคุย ก็ตอบมาว่า

ลุง "เคยมีนักเรียนคน มันท้องแล้วไม่มีพ่อ ก็เลยฆ่าตัวตาย"


ในใจนึกไปเลยว่า  ชิปหายตายห่ะ ผีตายท้องกลมด้วย ฆ่าตัวตายด้วยอีกต่างหากมีเฮี้ยนน่าดูรึ  เก็บความสงสัยแล้วไปคุยกับพี่ชาย  สรุปว่าถ้าไม่เห็นชัดก็พิสูจน์ให้มันแน่ไปเลยดีกว่ามั้ย อย่าเก็บความสงสัยไว้แล้วคิดไปต่างๆ นาๆ  วางแผนไว้เลยว่าพี่ชายผมจะออกไปดักอยู่ตรงมุมอับที่มองจากชานข้างนอกไม่ เห็น  แล้วรอเวลาเดิมว่าจะมาเป็นตัวๆ หรือมาแค่กายสัมผัส


เริ่มแผน จวบจนขณะเทียงคืนตีหนึ่งเหมือนเดิม  ผมก็นั่งรอในห้องด้วยในร่มๆ  อย่างน้อยกุก้อมีพระดีเว้ย  องค์นี้เตี่ยให้มาอายุเกือบสิบปีขลังแน่ๆ  ผีเจอผีร้องเสียงหลง  ก็ใจดีสู้เสือกันไป เฝ้านับเวลาเค้าน์ดาวน์อย่างเดียว


"ก็อก ๆ ๆ ๆ" มันมาแล้ว

เราเดินออกไปเปิดประตู  นึกครึ้มใจอยู่เหมือนกันถ้าเจอแล้วคงทำอะไรไม่ถูกอยู่เหนือจินตนาการ  แต่ก็ไม่น่าห่วงข้างนอกก็มีพี่ชายอยู่ถ้าเจอก็เจอด้วยกัน  ถ้าไม่เจอพี่ก็จะรู้ว่ามีแต่เสียงและคือวิญญาณมาเยี่ยมเยือน


ผมหลับตาปี๋แล้วยื่นมือไปบิดลูกบิด  แล้วค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ

สิ่งที่ผมเห็นต่อหน้า  คือหญิงสาวผมบ็อบทรงนักเรียนหน้าซีดๆ ใส่เสื้อผ้าคล้ายชุดนอนสีฟ้าออกมอซอ

ดูไปดูมา อ้าวนี่มันก็คนนี่หว่า พี่ชายผมก็เดินออกมาจากที่มืดแล้วยืนดูอย่างข้างหลังเด็กผู้หญิง

เธอเอ่ยปากออกมาว่า


"พี่คะ หนูอยากรู้จักพี่น่ะค่ะคือหนูกะพวกเพื่อนๆ อยู่ห้องข้างๆ นี้ ห้อง 403" ห้องพี่ชายเราคือห้อง 402

ในใจก็นึกว่า อ๋อพวกเราสองพี่น้องนี่ก็เสน่ห์แรงเหมือนกันแหะ  วันดีคืนดีมีสาวๆ มาสารภาพว่าอยากรู้จัก คือว่ามันเป็นอย่างนี้  พอเด็กพวกนี้มันเคาะประตูเสร็จด้วยความอายหรือไม่แน่ใจก็ไม่กล้ายืนสู้หน้า  ให้เพื่อนอีกคนรอเปิดประตูไว้  เวลาเราออกไปเปิดประตูดูก็เลยว่างเปล่าเพราะหนีเข้าห้องของมันเองด้วยความ เงียบอย่างแนบเนียน


บางทีเราอาจจะอยู่ด้วยตัวเองจนเกินไปจนลืม มองดูรอบๆ สิ่งรอบตัว  โลกนี้มีคนอีกหลายคนที่พร้อมจะหยิบยื่นมนุษยสัมพันธ์ให้  ถึงแม้การรู้จักกันอาจจะนำความลำบากใจมาให้บ้าง  แต่รู้จักคนไว้ดีแล้ว  มีอะไรจะได้พึ่งพาอาศัยกัน


และในที่สุดก็รู้จุดประสงค์ที่เด็กมัธยมเหล่านี้มาเคาะห้อง  เมื่อเอ่ยขึ้นว่า

"พี่ คือหนูได้ยินเสียงพี่เล่นเกมส์ออนไลน์  พี่ช่วยแชร์เกมส์ไว้หน่อยได้มั้ย เดี๋ยวหนูมาก็อปไป" ก็นึกว่าตัวเองดึงดูดเพศตรงข้าม  คือว่าจุดประสงค์มันอยากเล่นเกมส์นี่เอง  พวกเด็กเปรตเนี่ย  ก็แล้วมันก็จะมาเคาะดีๆ ธรรมดาเหมือนผู้เหมือนคนก็ไม่ได้นะ

ดึกๆ ก่อนนอนก็ยังได้กลิ่นซากศพ ซากเน่าอยู่  หรือว่าที่จริงแล้วมีผีเฮี้ยนจริงๆ นะ ลองดมกลิ่นดูดีๆ หาที่มาให้มันชัดพบถุงเท้าสองคู่ต้นเหตุ  แห่งกลิ่นเหม็น  เวรก็มันเล่นเอามายัดไว้ใต้ที่นอนพอตกกลางคืนล้มหัวนอนลงถึงจะได้กลิ่น


อย่างนี้แหละ แล้วเรืองผีของที่นี่ก็จบลง


รวมงานเขียนเก่าๆ 12 พฤษภาคม  2549 รอยยิ้มบนกระดาษ

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รักเสมอ...ดิจิตอล

นานเท่าไหร่แล้วที่เรารู้จักกัน...

เราเจอเธอทีไร ฉันยิ้ม หัวเราะ มีความสุขเสมอ

ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ฝนตก แดดออก

 

ถามว่าเธอเป็นอย่างไร

เรามองเห็นเธอ

เธอส่องแสงเจิดจรัสแม้ในความมืด

แม้เดือนมืดมิด

เมื่อตาปรับสภาพได้

มองเธอทีไรแววประกายก็ยังงดงาม

 

ถึงตอนทานข้าว แม้มานั่งอยู่หน้าเธอ

เหมือนเวลาผ่านไปช้าๆ

แต่ที่จริงก็นานจริงๆ แหละ

ฉันอยากอยู่แค่ตรงนั้นนั่งมองเธอนานๆ

 

ถึงแม้บางครั้ง มีบ้างที่เรา
เผลอไปสัมผัสเธอ

แล้วเธอทำให้เราเจ็บ

แต่เราก็จะพยายาม ทะนุถนอมเธอให้ดี

 

แต่ก่อนเธอเป็นของพี่ชายเรา

เราไม่สนใจหรอก

ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่สองที่สาม

ของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจ

ขอเพียงเธออยู่ด้วยกันตอนนี้ เท่านั้นที่สุขใจ

 

จนวันหนึ่งเมื่อ ถึงเวลาจากไป

เราก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด

หรือว่าเราอยู่ด้วยกันนานเกินไป

นับจากวันที่รู้จักกัน สี่ปีไหม ห้าปีได้ใช่ไหม

 

สุดท้ายเราพยายาม

ที่จะเปลี่ยนบางอย่างไป

แม้จะรู้ไม่เหมือนเดิม

ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

แต่แม้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน 

ความรู้สึกที่ฉันมีก็ยังเหมือนเดิม

 

เวลานั้นเราต้องการเธอมาก

เธอจำเป็นต่ออนาคต

ไม่เป็นไร...คำนี้เพื่อนเราบอกเสมอ

 

จนเมื่อมารู้ตัวอีกที

เราก็รู้ว่าเธอคงจากเราไปตลอดกาล

นึกถึงตอนนั้นความรู้สึกเสียดาย

เสียใจ เสียไป ก็ยังแฝงอยู่ลึกๆ

 

ถึงเธอจะจากไปไกลแสนไกล

แต่เราก็ได้เรียนรู้เมื่อเวลาผ่านไป

เราก็เจอกับสิ่งใหม่

เขามีบางอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของเธอ

มันไม่ใช่การซ่อมแซม แต่เป็นการอัพเกรดใหม่ไปเลย

 

หมดไปเยอะเหมือนกัน กับซื้ออุปกรณ์คอมพ์ตัวใหม่มาประกอบ

เพราะตัวเก่าก็ใช้มานาน ฝาครอบก็หายอะไรก็หาย

 

เหมือนโดนหลอกให้อ่านอีกแล้วเนอะ
ขอบคุณที่ครั้งหนึ่งเคยผูกพันธ์นะคอมพ์ตัวเดิม


 

ปล. - - - เกือบเดือนได้ผมถึงได้เก็บประกอบเครื่องใหม่ ส่วนเดิมที่เอาจากเครื่องเดิมมาใช้ได้มี Harddisk กับ การ์ดจอเท่านั้น อิๆ

รวมงานเขียนเก่าๆ 2 มีนาคม 2550 ในนาม รอยยิ้มบนกระดาษ

หากยัง...คิดถึง

คำว่าคิดถึงนี้ หากมีใครไปเซิร์ทคำนี้ ใน Google คงจะได้ หลายร้อยหลายหมื่นหน้า เลยละ

 
เราทำอะไร อะไรพลาดมาตั้งแต่ครั้งนั้นเลยรึเปล่า  เวลาที่เธอชวนไปเที่ยวแต่เราไม่อยากไปเราก็ไม่ไป  เวลาเราจะดูหนังเธอไม่อยากดูเราก็ไปดูคนเดียว

เมื่อวานได้ฟังเพลงเก่าๆ เนื้อหาเกี่ยวกับความรักที่เคยฟังกันสองคน เธอบอกว่าชอบเพลงนี้มาก เนื้อหามันซาบซึ้งกินใจ  แล้วเธอก็ร้องให้ฟัง

ทุกทีที่เห็นตุ๊กตาหมีสีชมพู  จะจำได้เสมอว่าเคยให้ใคร และจะนึกถึงใคร






เดินไปข้างทางจะได้กลิ่นน้ำหอม  แบบที่เธอชอบใช้ ทีไรก็จะนึกถึงรอยยิ้มนั้น จนไม่รู้ทำไมว่ามีคนใช้น้ำหอมกลิ่นนี้เยอะจัง

จะนึกถึงเธอเสมอ เมื่อเห็นคนที่หน้าคล้ายๆ มีตาคล้ายๆกัน ทำผมแบบเดียวที่เธอทำ จนเราก็คิดว่าถ้าเจอเธออีกทีเราจะพูดจะทักว่ายังไง

เธอบ่นให้ฟังว่า เราชอบพูดเรื่องแฟนเก่าให้เธอฟังเสมอ
แต่ต่อไปคงกลายเป็นเราจะพูดเรื่องเธอให้คนอื่นฟังเสมอ

หากเธอยังจำเพลงนี้ได้....
...นี่คือลมหายใจของความคิดถึง


รวมงานเขียนเก่าๆ 2 ธันวาคม 2550 ในนาม รอยยิ้มบนกระดาษ

Problem Convert ปัญหาที่รู้กัน


การเมืองนะเหรอเป็นเรื่องน่าเบื่อแน่ ๆ เห็นได้ว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่จะไม่อยากรับเรื่องนี้ไว้ให้รกสมองรำคาญใจ เปิดทีวีเห็นนักข่าวการเมืองกดเปลี่ยน เห็นท่านผู้มีอำนาจหัวล้านเลี่ยนกดเปลี่ยน  เซียนการพูดที่ออกมาพูดเรื่องตัวเองทั้งที่พูดได้ดีอยู่หรอกแต่กลับฟังไม่ รู้เรื่องและวกไปวนมา อย่าถามเลยว่าทำไมคนรุ่นเราถึงได้ระอากับเรื่องนี้นัก
         ลองมองรอบ ๆ ตัวดูแล้วกันว่ามีสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร บ้าง  โครงการที่ผลาญเงินภาษีของประชาชนนั้นผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดสักกี่โครงการ   จนในที่สุดก็กลายเป็นสถานที่สาธารณประโยชน์ที่ไม่มีคนไปใช้ประโยชน์  ถามใครใครก็ว่าสวยดีอยู่หรอก  แต่ไม่อยากไปแล้ว เมื่อปล่อยร้างก็กลายเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น  ภายหลังสถานที่นั่นก็มีอาคาร อบต ไปตั้งไว้ด้านหลัง เพื่อเป็นการกลบเกลือนมั้งว่าสถานที่สาธารณแห่งนี้ยังมีผู้ใช้ประโยชน์อยู่ ยังมีผู้วนเวียนผ่านไป 

       ความจริงเรื่องแบบนี้ถึงผมไม่เอามากล่าวหลายคนก็รู้ ๆ กันอยู่แต่ค่อย ๆ ซึมซับและเคยชินกับมันจนเกิดคำว่า "ที่ไหน ๆ ก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ"  แล้วก็ทำเป็นลืม ๆ มันไปซะนี่แหละสังคมไทย

ปัญหาเรื่องการเมืองไม่ได้เป็นปัญหาของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของคนทั้งประเทศ  กลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างเราเพิกเฉยไม่ได้แล้ว   ส่วนตัวผมก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าถ้าหากให้นักการเมืองคนหนึ่งจับดินสอ ปากกาสักด้าม แล้วให้เขียนเส้นตรงขึ้นสักเส้นหนึ่ง  เขาจะเขียนเป็นรูปอะไร

รวมงานเขียนเก่าๆ 24 กันยายน  2549 ในนาม รอยยิ้มบนกระดาษ