วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จิตรกรบนเกาะทราย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (เกริ่นนำแบบนี้คงพอจะเดาได้ ว่าเราจะเล่านิทานให้ฟัง)
ชายคนหนึ่งอาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่แห้งแล้ง  โอบรอบด้วยผืนน้ำทะเลไกลสุดตา
แต่ก็ยังสามารถข้ามไปบนผืนดินใหญ่ในเมืองศิวิไลท์ด้วยการว่ายน้ำได้
เขาอยู่อย่างนี้มานานนับสองสามปีจนเกิดเป็นความผูกพันธ์กับการอยู่บนเกาะเล็กๆ

แต่ละวัน  เขาทำอะไรบนเกาะๆนี้
เขาเพียงต้องการวาดภาพต้นไม้  ให้เกาะทรายกลายเป็นป่า  วันละต้น วันละต้น
เพียรวาดทุกวัน  จากเกาะที่มีแต่พุ่มไม้เล็กๆ  กลายเป็นผืนป่าขนาดย่อม  ที่เขาเฝ้ามองด้วยความภูมิใจ

เมื่อถึงหน้ามรสุม คลื่นน้ำทะเลลมแรง หอบพัดเอาหญิงสาวเรืออัปปางมาเกยฝั่ง
หญิงสาวเล่าให้ฟัง เรือของเธอนั้นโดนพายุจนเธอผลัดตกลงมา
เธอพยายามว่ายไปหาฝั่งจนหมดแรง หมดสติและมาฟื้นที่นี่
เธอเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับสังคมเมืองใหญ่  ขอเธอพักอยู่ที่นี่ที่เงียบสงบและไม่วุ่นวาย

สองคนอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นคู่รักที่มีความสุข
ต้นไม้กระดาษที่ชายคนนั้นวาดขึ้นมา  บัดนี้ต้นไม้ประกอบด้วยดอกไม้สีสันกระจ่างตา
ประกอบด้วยรายละเอียดของพืชพรรณ  วิจิตร  สวยหรูจนนกและแมลงหลงเข้ามาอยู่อาศัย
หญิงสาวอยู่พักฟื้นบนเกาะหายจากอาการบาดเจ็บ เธอก็มีภาระการงานที่ต้องทำบนผืนแผ่นดินใหญ่
ทั้งสองจึงตกลงกันว่า ถ้าเธอมีเวลาก็จะว่ายน้ำจากผืนแผ่นดินใหญ่มาหาเขา
เขามีเวลาจะว่ายน้ำจากเกาะเล็กไปหาเธอ  ทั้งสองไปมาหาสู่กันอย่างนี้เรื่อยมา

เรือที่เธอเคยโดยสารมาวันที่เธอโดนพายุ  แวะมาหาเธอที่เธอที่เกาะ
กะลาสีก็ต้องการให้เธอขึ้นเรือและกลับไปกับเขา
กะลาสีบอกวันที่เธอลงเรือเขาก็คิดว่าเธอจะไม่จากไป  คิดว่าคงแกล้งโดดลงน้ำ และว่ายกลับมาขึ้นเรือเหมือนเดิม
เธอเล่าให้ฟัง  ที่จริงเรือเธอไม่ได้โดนพายุพัดจนอัปปาง  แต่เธออยู่บนเรือแล้วไม่มีความสุข
เรือใหญ่แต่ไร้ที่ให้ใจอาศัยอยู่  ทันเหนื่อยกับการท้อ  การรอ และการที่ทะเลาะกับกะลาสีทุกวัน
จึงโดดลงจากเรือ และจะว่ายน้ำขึ้นฝั่ง

http://www.youtube.com/watch?v=m7oImkbg1fo
เพลงประกอบครับเปิดคลอเบาๆ - ลมหายใจของเมื่อวาน ลิปตา

และแล้ววันหนึ่งหญิงสาวจากผืนแผ่นดินใหญ่ ก็อาศัยอยู่กับจิตรกรบนเกาะทรายได้ไม่นาน
เธอมาบอกเขาว่า  เธอเหนื่อยกับการที่เป็นคู่รักที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
เธอเหนื่อยกับการว่ายน้ำ  ทั้งนาน  ทั้งหนาว และเปียกน้ำ  อยากจะขออยู่คนเดียวที่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องใดๆ
เธอไม่อยากให้เขาต้องเหนื่อยกับการว่ายน้ำนานๆ  ต่อไปจะได้ไม่ลำบากมาหาเธอ
จะได้ไม่รอว่าสักวันหนึ่งเขาจะโดนคลื่นทะเลกลืนหาย
แต่เธอไม่ได้ถามเขาเลยสักคำว่า  ต่อให้เขาเหนื่อยกว่านี้  ต่อให้ไกลกว่านี้
เพื่อจะได้พบเจอเธอเขาก็ยอมว่ายน้ำมา  เพื่อจะได้เจอคนรัก  เขาก็ยินดี
เขาคิดอย่างนี้ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจให้เธอห่างไกล  เขามองเห็นแต่ข้อดีของการมีคนมาร่วมทาง
ความรักก็เป็นเช่นนี้....  เมื่อแรกคนเราต่างก็มองเห็นแต่ความสุขของชีวิตคู่  แต่เมื่อร่วมทางหลายสิ่งจะเจอปัญหาเล็กบ้างใหญ่บ้างเข้ามา  เพียงแต่ถ้าไม่ใส่ใจกับปัญหาที่เกิด  จะทำให้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันได้ 
 
เมื่ออยู่ด้วยกันหลายคนสร้างปัญหาด้วย ความคาดหวัง  หวังให้ได้อย่างนี้หวังให้สม่ำเสมออย่างนี้ ก็เหมือนเราวิ่งไล่จับ  คนจับก็เหนื่อยคนหนีก็เหนื่อย  ปล่อยรักเป็นไปตามธรรมชาตินั้นสุข  จะรักกันอย่างธรรมดา เว้นแต่ว่าจะรักกันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์อื่นๆตามมานั่นเป็นธุรกิจ
 
รักก็ทุกข์สุขก็ทุกข์  หากแต่ทุกอย่างเราแบกมันไว้มันก็หนัก  ถือรักเป็นสุขก็สุขถือรักเป็นทุกข์ก็ทุกข์
 
 
 บางคนที่เคยอภัยให้เขาทุกอย่างแล้ว เมื่อวันหนึ่งก็บอกจะไม่ทนกับปัญหาเดิม  ที่เคยยอมให้กันตลอดแล้วเมื่อวันหนึ่งไม่ยอมขึ้นมาก็ต้องแยกทางกัน....เท่า นั้นเองหรือ
บนเกาะผืนทรายที่เต็มไปด้วยต้นไม้กระดาษ  ชายบนเกาะโบกมือลา  หญิงสาวเดินแช่น้ำไปครึ่งตัวเตรียมกลับไป  กะลาสีบนเรือลำเดิมขี่เรือมารับ  แต่หญิงสาวก็หันหลังว่ายน้ำไปสู่แผ่นดินศิวิไลท์  กะลาสีเมื่อหญิงสาวไม่ขึ้นก็หันหางเสือเพื่อขับเรือไปคนละทาง 
.....วันนี้ชายบนเกาะยังวาดภาพต้นไม้ของเขาอยู่เช่นเดิม  แต่เป็นเพียงลำต้นแห้งเหี่ยว  ภาพกิ่งไม้สีดำเหมือนต้นไม้แห้งตายปรากฏอยู่ทุกย่อมหญ้า
หากเป็นคุณ  ต้องตัดสินใจในสถานการณ์แบบนี้ คุณจะทำเช่นไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น