วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สะกดคำว่าลืม...ไม่ถูก

ช่วงปีนี้มีหลายเรื่องราว เกิดขึ้นมากมาย  ทั้งเรื่องที่ดี  เรื่องไม่ดี  และเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าดีหรือไม่ดีดี
Không có chi Chào anh  สวัสดีน้องสาวชาวเวียดนาม  จนถึงวันนี้ก็ยังบอกว่ารู้สึกดีมากที่ได้พบกับเธอ

ไม่อยากคบกับคนไทยแล้ว  ลองเปลี่ยนมุมมองชีวิต  และวัฒนธรรมใหม่ๆ บ้าง
จนมาพบกับสาวญวน  คนนี้  วันแรกที่ผมเห็นเธอยิ้ม  ความเศร้าความเหงาเหมือนจะหายไปหมด
เป็นคนยิ้มสดใส  และยิ้มอย่างมีความสุข  แต่พูดไทยไม่ชัดเอามากๆ เพราะอยู่ไทยมาไม่ถึงปี
คำนึงที่น้องเขาพูดไว้กับผม  ว่า "เดี๋ยวธัญญ์จะจีบพี่เอง  ธัญญ์จีบพี่ได้ไหม  แผลในใจของพี่  จะทำให้หาย" ฟังแล้วหัวใจพองโตเลย
 Tôi đi cùng bạn gái của tôi
ธัญญ์ เป็น นักศึกษาเวียดนาม ที่มาเรียนที่ ราชภัฏอุดรธานี  เป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและวัฒนธรรม
มาจาก ฮานัง เมืองที่ติดทะเล  เธอเป็นคนตัวอวบๆ ตัดผมสั้นเหมือนทรงนักเรียน  หน้าตาน่ารักๆ
ตอนมาอยู่ไทยใหม่ๆ  บอกว่าเครียดมาก  ไม่รู้จะหันหน้าไปไหน  หันหน้าคุยกับใคร
เวลาเครียดมาก  ธัญญ์ก็จะกินๆ สองสามเดือนก่อนจะอ้วนมากๆ  จนเพื่อนเรียกว่า "หมูน้อย"
ทุกทีไปเที่ยวกัน  เธอชอบให้พาไปนั่งเล่นสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ไปแล้วก็ไปนั่งคุยกัน  เดินเล่น
ช่วงนั้นไปบ่อยๆ จนไม่รู้เบื่อ  ชื่อธัญญ์ภาษาเวียดนามเขียนว่า Thinh  Thien  Thanh  แบบว่าออกเสียงไม่ถูกเลยละ
ครั้งที่ความสัมพันธ์เริ่มก่อตัวอยู่ที่โรงหนัง  ไปดูหนังด้วยกันกะธัญญ์
น้องเขานั่งหนาวๆ แล้วก็เบียดมาใกล้ๆ จนหนังเล่นไปได้สัก 30 นาที
เขาก็มาจับมือผมไว้ แล้วถามว่า พี่ธัญญ์จับมือได้ไหม ได้ไหมละ
ผมก็เลยงงเลย  ก็บอกเขาว่าถ้าธัญญ์ไม่จับก่อนพี่ก็ว่าจะจับมือธัญญ์อยู่แล้ว
เขาว่า จับมือพี่แล้วตื่นเต้นมากๆเลย เป็นไรก็ไม่รู้ รูู้สึกดีมากๆ
ผมฟังแล้วก็นั่งยิ้มเป็นสุขอยู่ในใจ  Toi nụ cười sung sướng làm cho hết lòng
หมูน้อยชอบให้กอดเขาไว้  ถามเสมอๆ ว่าพี่กอดได้ไหมอะ
เขาเล่าให้ฟังว่าตอนอยู่เวียดนามก็ชอบกอดเพื่อน  จนเพื่อนรำคาญ
แล้วเวลานั่งรถมอไซไปเที่ยวด้วยกัน  ก็ชอบมากัดหลังเรา
ถามเขาว่า เป็นไรเนี่ย โรคจิตหรือเปล่า เขาก็ว่า ก็ใช่ไงโรคจิตๆ
เวลาเขากัดแรงๆได้เขาก็จะ หัวเราะดีใจ หลบไม่ให้กัดก็งอแงๆ เฮ้อ
กัดแรงไม่แรงไม่รู้นะ แต่บางทีมาส่องกระจกดูเนี่ยเป็นห้อเลือด รอยฟันเลยละ
อยู่กับเขาแล้วมีความสุขดี  เขาเป็นคนขี้เล่น  คุยสนุกสนาน
พูดตรงไปตรงมา  เพราะอะไรหลายอย่างของวัฒนธรรมเขามั้ง
เขาถามผมว่า ทำไมคนไทยชอบทาแป้ง  อันนี้ผมก็ตอบเขาไม่ได้แต่ก็ว่าทาแล้วสวยไง
ดาราก็สวยเพราะทาแป้ง  คนเวียดนามปกติก็ไม่ได้ทา ก็อืมผิวเขาสวยอยู่แล้วนี่เนอะ
แล้วก็ไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ ขนาดการ์ตูนโดเรม่อนที่ช่องเวียดนาม
ยังใช้นักพากษ์คนเดียว  จะดูสนุกได้ยังไงนะ  แต่เขาก็สนุกของเขา
สงสัยจะเป็นนโยบายประหยัดงบประมาณ ให้มีนักพากษ์คนเดียว
เห็นว่าหลังจากสงครามเวียดนาม  คนเวียดนามส่วนใหญ่จะมีนิสัย
เคร่งครัดและเจ้าระเบียบ  และต้องขยันอดทน
ก็คงเหมือนเราไปเรียนรู้วัฒนธรรมของเขาผ่านประสบการณ์จริง
             
ธัญญ์เขาไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย  บอกว่าที่บ้านบอกไม่จำเป็นต้องมีศาสนา
เคยพาเขาไปตักบาตร  ตอนพระสวดเขาก็นั่งเฉยๆ   นั่งขัดสมาธิอีก
จนเราต้องสะกิดว่าธัญญ์ๆ ยกมือทำท่าไหว้พระหน่อย  เพราะคนรอบข้างเริ่มมองด้วยสายตาแปลกๆ
แต่บุญกุศลที่ได้จากการตักบาตร  ก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่เลย
แล้วก็รู้สึกว่าเขาจะมีเซ็นส์อะไรหลายๆ อย่าง  บอกว่าเห็นผีตามที่ต่างๆ
แล้วก็ชอบเล่นกะแมวมากๆ  บางทีก็เล่นแรงซะแมววิ่งหนี
ทั้งที่ผมไม่ค่อยชอบสัตว์เลี้ยง  แต่ก็รู้สึกว่าผมจะชอบแมว  เพราะนิสัยแมวเหมือนธัญญ์
เขาฝากความฝันกับผมไว้เรื่องนึง  บอกว่าเดี๋ยวธัญญ์จะพาพี่ไปเที่ยวที่บ้าน
ทะเลบ้านธัญญ์สวยมากๆ แต่ธัญญ์ก็อยากไปเที่ยวภูเก็ตอยากไปเที่ยวเกาะเสม็ด
เป็นเหมือนฝากความหวังไว้ในใจเรา  ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีคนนำทางเราไป
แต่ช่วงนึงในชีวิตก็อยากไปเที่ยวทะเลฮานัง ดูสักครั้ง
sự du lịch Việt nam đại dương
        
......
จนวันปิดเทอมแรกของปีการศึกษานี้  หมูน้อยต้องกลับบ้านที่ฮานัง(ดานัง)
เห็นจะกลับไปนาน   ผมก็เลยซื้อหนังไทย "รักสามเส้า" กับ หนังสือการ์ตูนนานะ  ให้ถือไปอ่านที่เวียดนาม
ไม่รู้อะไรเข้าสิงเหมือนกันที่ซื้อหนังเรื่องนี้เอาให้เขา  แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย
นอกจากว่าชอบดูน้องพีค  และเพื่อนบอกว่าหนังเรื่องนี้สนุกมากซึ้งๆ
เดินทางจากไทย-ไปเวียดนาม  จากอุดร  ผ่านหนองคาย เข้าทางประเทศลาว
แล้วค่อยทะลุออกเวียดนาม  ช่วงที่รถพักอยู่ประเทศลาว
โทรศัพท์หมูน้อยก็พอมีคลื่นอยู่  น้องเขาบอกว่า "รอธัญญ์หน่อยนะ 15 วันเองเดี๋ยวธัญญ์กลับมา" 
รู้สึกประทับใจที่เขาพยายามโทรหาเรา  และรับความรู้สึกเรา  ผูกพันธ์กับเรา
หลังจากเวลาที่ธัญญ์กลับบ้านผ่านไป 5 วัน ก่อนหน้านั้นเขาโทรมาสองวัน เว้นวัน 
สัญญานเตือนแห่งความผิดหวังมาแล้ว  ธัญญ์ไม่ได้โทรหา  แล้วไม่รู้ทำไมผมไม่สามารถโทรหาเขาได้เลย
ไม่ว่าจะเป็น  001 - 008  - 009  รหัสประเทศ 84  โทรไปจนจำภาษาเวียดนามที่บอกว่า
ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ได้เลย คิดว่าอาจมีปัญหาทางด้านเครือข่ายเพราะที่นั่นมีพายุ  ทำโทรศัพท์หายไหม
(แต่ที่จริงเขาปิดโทรศัพท์ที่ใช้โทรหาผมไว้เลย)
Số này không đăng ký không làm cho đủ sức
  
เวลาผ่านไปจนถึงวันที่สัญญาจะกลับมา  ผมโทรหาเขา กลายเป็นเพื่อนเขารับสายแทน และบอกว่าจะกลับมาในอีกไม่นานติดธุระอยู่
ไม่ได้เจอหมูน้อย รวมแล้ว 20 วัน  เธอกลับมาพร้อมความรู้สึกที่ทำให้ผมรู้ว่า ธัญญ์คนเดิมได้ตายจากไปแล้ว
วันๆ นั่งเหม่อลอย  คุยกันกับความเห็นที่แตกต่าง  ชวนไปไหนก็มีแต่คำว่าไม่ออกมา  เธอปฏิเสธและต่อต้านผมแล้ว
ไม่มีคำถาม  ไม่มีคำตอบ ผมไม่รู้เลยว่าเวลาที่ไม่เจอกัน  แล้วเกิดอะไรขึ้น
ที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจไปทั้งใจ  มีแต่สิ่งว่าให้เข้าใจในความไม่เข้าใจ 
Tôi bị một vấn đề về tim

สิ่งสุดท้ายที่เขาบอกไว้ "พี่ทันขอโทดษนะ ต่อไปนี้ไม่ต้องโทรหาทันแล้วนะพี่  พี่เหลือม(ลืม)ทันเสียเถอะะ
ทันขอโทษนะพี่"  ถึงแม้เราไม่รู้อะไร  แต่เราก็บอกเขาว่า "ไม่เป็นไร  พี่เข้าใจ"
Đừng lo lắng về cái đó
             
หลายครั้งแล้วที่เป็นอย่างนี้  ผมไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้มานั่งเสียใจ
ตลอดเวลาที่อยู่กับเขา  เขาก็รักษาแผลที่เกิดจากคนก่อนได้จริงๆ
เขากอดเราไว้  จากที่เคยกอดตัวเองเสมอ
แม้เขาจะไม่อยู่กับเราตลอดไป  แต่ความรู้สึกดีๆ ก็ยังอยู่ในใจ
ก็ยกโทษให้เขา แม้ไม่รู้ว่าผิดเรื่องอะไร  เขาว่า  การยกโทษให้คนอื่น  คือการยกโทษให้ตัวเอง
เราจะมารู้สึกเจ็บ  รู้สึกแค้น  กับคนที่เรารักได้อย่างไร  เก็บความรู้สึกที่ดีไว้ในใจดีกว่า
 Nó chỉ đau thỉnh thoảng thôi  tou không chọc giận người đáng yêu tiếng âu yếm
สุดท้ายผมก็เหมือนฟ้า  ในเรื่องรักสามเส้า  ที่ตายจากไป
(เราจะเดินออกจากชีวิตน้องเขา  ตามที่น้องเขาต้องการ)
แล้วให้เขาได้มีความสุข  จะได้ไม่ต้องมากังวัลกับเรา   เราก็นะให้แผ่นหนังก็เป็นลางกับตัวเองจริงๆ
ก่อนถึงวันลอยกระทง  เราถามเขาว่า  คนไทยจะมีประเพณีทำดอกบัว  ไปลอยในน้ำ
และมีการประกวดกัน  ธัญญ์จะไปลอยกับพี่ไหม  เขาตอบว่าพอถึงวันนั้นธัญญ์จะไปลอยกะพี่
แล้ววันลอยกระทงก็ใกล้เขามา  เราคงจะได้ลอยกระทงคนเดียวเสียแล้วละ
ติดอยู่ในฤดูอกหัก  ตกอยู่ในห้วงความรักที่มันเลวร้าย  ต้องอยู่ท่ามกลางสายลมด้วยความหนาวใจ  เปียกปอนไปทั้งใจด้วยหยดน้ำตา  
เขียนเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน  2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น